ข่าว Archives - HIT NEWS PRESS https://hitnewspress.com/category/news/ Mon, 18 Dec 2023 01:25:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.2 https://hitnewspress.com/wp-content/uploads/2022/10/cropped-logo-white-32x32.png ข่าว Archives - HIT NEWS PRESS https://hitnewspress.com/category/news/ 32 32 บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/ https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/#respond Mon, 18 Dec 2023 01:15:15 +0000 https://hitnewspress.com/?p=443 การบริจาคอวัยวะ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ใน “การให้” ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเสมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา ได้กลับคืนมาอยู่กับครอบครัวด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ดูแลครอบครัวและคนที่รัก ลดการสูญเสีย และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป แต่หลายคนยังสับสนหรือไม่เข้าใจ การบริจาคอวัยวะกับการบริจาคร่างกายเหมือนกันหรือต่างกันยังไง และใครสามารถบริจาคอวัยวะได้บ้าง และสามารถบริจาคอวัยวะได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาฝากในบทความนี้แล้วค่ะ 1....

The post บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
การบริจาคอวัยวะ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ใน “การให้” ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเสมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา ได้กลับคืนมาอยู่กับครอบครัวด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ดูแลครอบครัวและคนที่รัก ลดการสูญเสีย และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป แต่หลายคนยังสับสนหรือไม่เข้าใจ การบริจาคอวัยวะกับการบริจาคร่างกายเหมือนกันหรือต่างกันยังไง และใครสามารถบริจาคอวัยวะได้บ้าง และสามารถบริจาคอวัยวะได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาฝากในบทความนี้แล้วค่ะ

ภาพจาก https://lifestyle.campus-star.com/

1. การบริจาคอวัยวะ 

การบริจาคอวัยวะ คือ การบริจาคอวัยวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด สำหรับการนำไปใช้เพื่อปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีอื่น เป็นการยืดอายุให้ผู้ป่วยมีชีวิตต่อไปได้ โดยอาจได้จากอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธาที่ได้แสดงเจตจำนงบริจาคอวัยวะไว้ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์บริจาคให้แทน เนื่องจากการเสียชีวิตกระทันหัน หรือผู้เสียชีวิตไม่มีโอกาสได้แจ้งบริจาคด้วยตนเอง โดยหลังจากที่หมอปลูกถ่ายอวัยวะเสร็จเรียบร้อย จะทำการนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งกลับคืนให้กลับทางครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป  

อวัยวะส่วนใดบ้างที่สามารถบริจาคได้ 

ปัจจุบันอวัยวะที่สามารถบริจาคได้ คือ ดวงตา ปอด หัวใจ ลิ้นหัวใจ ตับ และ ไต 

2. การบริจาคร่างกาย 

การบริจาคร่างกาย คือ การบริจาคทั้งร่างกายหลังจากเสียชีวิต เป็น “อาจารย์ใหญ่” เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษา นำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ โดยผู้ที่จะเป็นอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีอวัยวะครบถ้วน ยกเว้นดวงตา 

เห็นได้ว่าการบริจาคร่างกายต่างจากการบริจาคอวัยวะอย่างสิ้นเชิง เพราะการบริจาคร่างกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการศึกษาเท่านั้น ดังนั้น ผู้ยื่นจำนงบริจาคร่างกายจะไม่สามารถบริจาคอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ ยกเว้น ดวงตา ที่สามารถบริจาค แต่ถ้าใครที่ต้องการบริจาคอวัยวะหลังตนเองเสียชีวิต เพื่อให้อวัยวะของตนได้มีเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือชีวิตอื่นได้อยู่ต่อไป ก็จะไม่สามารถยื่นเรื่องขอบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาได้ 

ใครบริจาคอวัยวะได้บ้าง 

คุณสมบัติผู้บริจาคอวัยวะ มีดังนี้ 

  • อายุไม่เกิน 65 ปี 
  • เสียชีวิตจากสมองตาย 
  • ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง 
  • ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคตับ โรคไต ความดันโลหิตสูง และต้องไม่มีประวัติติดสุราเรื้อรัง เพราะอวัยวะที่จะนำไปใช้งานต่อจะต้องมีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี 
  • ปราศจากเชื้อที่สามารถถ่ายทอดผ่านทางการปลูกถ่ายอวัยวะได้ เช่น ไวรัสเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น 
  • จะต้องแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะของตนเองแก่ครอบครัวหรือญาติให้ทราบ 

ทำไมการบริจาคอวัยวะจึงต้องแจ้งครอบครัวหรือญาติให้ทราบ

กรณีที่ได้ทำการยื่นขอบริจาคอวัยวะด้วยตนเอง ควรแจ้งให้บุคคลในครอบครัวหรือญาติทราบด้วย เพราะหากเสียชีวิตจะได้สามารถทำการบริจาคอวัยวะได้ทันที โดยมีญาติเป็นผู้เซ็นยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะหากญาติไม่ยินยอม จะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นโมฆะ หรือกว่าจะทำการเข้าใจตรงกันระหว่างทางโรงพยาบาลกับญาติผู้เสียชีวิต อาจใช้เวลานาน จนไม่สามารถทำการปลูกถ่ายอวัยวะได้ เพราะการทำงานของอวัยวะเสื่อมประสิทธิภาพ หรือกลายเป็นอวัยวะตาย เพราะมีระยะเวลาจำกัดในการย้ายปลูกถ่ายอวัยวะ 

ภาพจาก https://lifestyle.campus-star.com/

ติดต่อบริจาคร่างกาย หรือ บริจาคอวัยวะได้ที่ช่องทางไหนบ้าง 

  • ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 5 ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพ 10330 
  • เว็บไซต์ www.organdonate.in.th 
  • หมายเลขติดต่อ 1666

The post บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/feed/ 0 443
8 คำถามการขึ้นเงินรางวัลลอตเตอรี่ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง https://hitnewspress.com/news/8-%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87/ https://hitnewspress.com/news/8-%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87/#respond Thu, 02 Nov 2023 01:13:54 +0000 https://hitnewspress.com/?p=425 1. ขึ้นเงินลอตเตอรี่ที่ไหนได้บ้าง  ตอบ : เมื่อถูกรางวัลลอตเตอรี่ สามารถติดต่อขอขึ้นเงินรางวัลได้ตามสถานที่ต่อไปนี้  2. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหยุดให้บริการวันไหนบ้าง  ตอบ : วันหยุดราชการ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และ...

The post 8 คำถามการขึ้นเงินรางวัลลอตเตอรี่ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
1. ขึ้นเงินลอตเตอรี่ที่ไหนได้บ้าง 

ตอบ : เมื่อถูกรางวัลลอตเตอรี่ สามารถติดต่อขอขึ้นเงินรางวัลได้ตามสถานที่ต่อไปนี้ 

  • สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07.30 – 15.00 น. โดยให้บริการต่อเนื่องจนปิดเวลาทำการ แบบไม่มีการหยุดพักกลางวัน โดยสามารถขอขึ้นรับเงินได้ทุกรางวัล
  • ธนาคาร ซึ่งจะรับขึ้นเงินทุกรางวัล ยกเว้นรางวัลที่ 1 ที่ต้องไปขึ้นเงินรางวัล ณ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่านั้น โดยธนาคารที่รับขึ้นเงินรางวัล มี 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ธนาคารออมสิน , ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 

2. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหยุดให้บริการวันไหนบ้าง 

ตอบ : วันหยุดราชการ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และ วันนักขัตฤกษ์  

3. ขึ้นเงินลอตเตอรี่หักกี่บาท  

ตอบ :  หากขึ้นเงินรางวัลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะมี 2 กรณีด้วยกัน ได้แก่ 

  • กรณีถูกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องชำระค่าอากรแสตมป์ ในอัตรา 1 บาท (หรือ ร้อยละ 0.5) ของเงินรางวัล ทุก ๆ  200 บาท หรือเศษของ 200 บาท 
  • กรณีเป็นสลากการกุศล ต้องชำระภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของเงินรางวัล 

กรณีขึ้นเงินรางวัลที่ธนาคาร จะเสียค่าอากรแสตมป์ไม่เกินอัตราร้อยละ 1 ของเงินรางวัล ตามประเภทสลาก 

4. ต้องติดต่อขอรับเงินรางวัลภายในกี่ปี 

ตอบ : ระยะเวลาภายในการขอขึ้นเงินรางวัลจะมีระบุแจ้งไว้อยู่ด้านหลังสลากแต่ละฉบับ โดยกรณีที่เป็น สลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถติดต่อขอรับเงินรางวัลได้ภายใน 2 ปี แต่ถ้าเป็สลากการกุศล สามารถติดต่อขอรับเงินรางวัลภายใน 10 ปี 

5. .ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการขอขึ้นรับเงินรางวัล 

ตอบ : 1. สลากที่ถูกรางวัลฉบับจริง 2. บัตรประชาชน และหากต้องการติดต่อขอรับเงินรางวัลที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาล จะต้องจองคิวออนไลน์ที่เว็บไซต์ของสำนักงานฯ ที่ www.glo.ot.th ก่อนเข้ารับบริการ 

6. กรณีผู้ถูกรางวัลเป็นชาวต่างชาติสามารถขึ้นเงินรางวัลด้วยตัวเองได้ไหม 

ตอบ : หากผู้ถูกรางวัลเป็นชาวต่างชาติ สามารถติดต่อขอขึ้นเงินรางวัลได้ด้วยตนเอง โดยใช้เอกสารดังนี้ 

  • สลากที่ถูกรางวัลฉบับจริง 
  • พาสปอร์ต หรือ เอกสารที่ทางราชการออกให้ 

7. สลากที่ถูกรางวัลชำรุด ฉีกขาด สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ไหม 

ตอบ : สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ตามปกติ แต่ต้องนำสลากที่ชำรุดหรือฉีกขาดไปติดต่อที่สำนักงานกองสลากกินแบ่งเท่านั้น และต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์

 ก่อนเวลา 14.0 น. 

8. ลอตเตอรี่หายต้องทำยังไง 

ตอบ : หากทำลอตเตอรี่หรือสลากหาย จะต้องทำการแจ้งขออายัดก่อนออกรางวัลในงวดนั้น ๆ ซึ่งการแจ้งขออายัดสลากมี 2 กรณี ได้แก่ 

  • การขออายัดในกรุงเทพ ต้องไปขออายัดด้วยตนเองที่สำนักกฏหมาย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 
  • การขออายัดในต่างจังหวัด จะต้องแจ้งผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้มีหนังสือถึงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยให้ผู้ว่าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของจังหวัดที่รับแจ้ง ส่งโทรสารเป็นหนังสือที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดไปยังสำนักงานฯ เพื่อความรวดเร็วยิ่งขึ้น 

หากมีคำถามอื่น ๆ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สำนักกฏหมาย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โทร 02 528 9013 

The post 8 คำถามการขึ้นเงินรางวัลลอตเตอรี่ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/news/8-%e0%b8%84%e0%b8%b3%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a5%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87/feed/ 0 425
ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/ https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/#respond Fri, 30 Jun 2023 00:47:52 +0000 https://hitnewspress.com/?p=341 รู้ไหมว่าขยะอาหารในประเทศไทยมาจากไหนมากที่สุด จากร้านอาหาร จากโรงแรม หรือ จากร้านขายปลีก? คำตอบ .. ทุกข้อที่กล่าวมา ไม่ใช่เลย แต่ขยะเศษอาหารส่วนใหญ่มาจากบ้านเราเอง จากการบริโภคในครัวเรือนนี่แหล่ะ บ้านทุกหลัง ทุกเรือนชาน คือ บ่อเกิดขยะเศษอาหารมากถึง...

The post ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
รู้ไหมว่าขยะอาหารในประเทศไทยมาจากไหนมากที่สุด จากร้านอาหาร จากโรงแรม หรือ จากร้านขายปลีก?

คำตอบ .. ทุกข้อที่กล่าวมา ไม่ใช่เลย แต่ขยะเศษอาหารส่วนใหญ่มาจากบ้านเราเอง จากการบริโภคในครัวเรือนนี่แหล่ะ บ้านทุกหลัง ทุกเรือนชาน คือ บ่อเกิดขยะเศษอาหารมากถึง 61% ของขยะอาหารทั้งหมดในประเทศ จริงอยู่ว่า ขยะเศษอาหารเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ อาจไม่แย่เท่าขยะพลาสติก แต่ว่าที่จริงแล้ว ขยะอาหารเหล่านี้นี่แหล่ะตัวอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายกาจที่สุด แถมยังส่งผลต่อสุขภาพของเราทุกคน เพราะกองขยะเศษอาหารที่ถูกทิ้งรวมกันกันนั้น ล้วนแต่เป็นแหล่งอาศัยของเชื้อโรคสารพัด ก่อให้เกิดอาการป่วย ทั้งที่ยังอยู่ในถุงขยะภายในบ้าน เหล่ามด หนู และ แมลงต่าง ๆ ยิ้มหวาน ต่างพาเดินขบวนกันมามั่วสุม กลายเป็นบุฟเฟ่อย่างดีให้กับเหล่าพาหนะเชื้อโรคทั้งหลาย 

เมื่อขยะอาหารถูกส่งต่อไปยังหลุมฝังกลบ ก็ไปสุมทับซ้อนเป็นกองภูเขา กลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย กลิ่นเหม็นเน่า และภาพทิวทัศน์เสีย ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียง แถมขยะอาหารยังไปปนเปื้อนขยะอื่น ๆ จนทำให้ขยะที่รีไซเคิลได้อย่างพลาสติก ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือ การหมักหมมของขยะอาหาร รวมไปถึงการย่อยสลายของเศษอาหาร ทำให้เกิดก๊าซมีเทน องค์ประกอบของก๊าซเรือนกระจก และน่าตกใจไปกว่านั้น ขยะเศษอาหารคือตัวการที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 3 รองจากขยะพลาสติกเลยนะ 

เราสามารถช่วยกันลดขยะอาหารได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจากการลดขยะเศษอาหารจากภายในบ้าน ด้วยการใช้ถังหมักเศษอาหาร หรือถังคอมโพส แล้วเจ้าถังหมักอาหารมันดียังไง ทำไมทุกบ้านถึงควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร ประเด็นสำคัญที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ค่ะ 

ถังหมักขยะเศษอาหาร คือ อุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยด้วยวัสดุตัวช่วยต่าง ๆ เช่น การใช้ใบไม้ การใช้แมลงอย่าง ไส้เดือน หรือ หนอนแมลงวันลาย การใช้ขี้วัวหรือขี้ไก่ผสม การใช้ระบบหมุนเวียนอากาศภายในแบบเดียวกับกองปุ๋ยหมัก การเติมแบคทีเรีย การเติมจุลินทรีย์เพื่อช่วยย่อยอาหาร และขั้นตอนต่าง ๆ เพียงแค่เททุกอย่างลงไปรวมกันในถังหมักเท่านั้น แม้ว่าระยะเวลาที่ใช้หมักปุ๋ยจะไม่เท่ากัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับขั้นตอนและรูปแบบของแต่ละวิธีการหมักปุ๋ย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณเกือบเดือนหรืออาจมากกว่า 1 เดือน ขยะเศษอาหารจึงย่อยได้หมด กลายเป็นปุ๋ยและสามารถนำไปใช้ได้ 

แม้ว่าจะมีถังหมักหรือถังกำจัดปุ๋ยให้เลือกใช้หลายรูปแบบ แต่จุดหมายปลายทางเหมือนกัน คือ การกำจัดขยะเศษอาหารได้ 100% ด้วยการเปลี่ยนขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยให้ปริมาณขยะจากครัวเรือนไปยังบ่อฝังกลบน้อยลง ทำให้ขยะอื่น ๆ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นและในปริมาณที่มากขึ้น แถมยังได้ปุ๋ยออแกนิกไว้ใช้เพาะปลูกโดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมี บ้านไหนปลูกพืชผักหรือต้นไม้เยอะ ๆ ยิ่งต้องมีถังหมักเศษอาหาร ได้ทั้งกำจัดขยะเศษอาหารในบ้าน ยังได้ปุ๋ยคุณภาพดีฟรี ๆ แถมสุขภาพดีเพราะกินผักปลอดเคมีอีกด้วย 

สำหรับใครที่สนใจและต้องการเปลี่ยนมาใช้ถังหมักเศษอาหาร สำหรับกำจัดขยะเศษอาหารภายในบ้าน หากเป็นบ้านที่มีบริเวณสวนหลังบ้าน หรือพื้นที่กว้างมากพอสำหรับการจัดตั้ง ถังหมักปุ๋ยแบบแมนนวลก็มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือก ซึ่งถังหมักปุ๋ยแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องอยู่ให้ห่างจากตัวบ้านสักหน่อย ต้องมีบริเวณและพื้นดินเพื่อฝังกลบ หรือเพื่อรองรับขนาดของถังหมัก และป้องกันไม่ให้กลิ่นเล็ดลอดรบกวนคนในบ้าน แต่สำหรับใครที่ต้องการกำจัดเศษอาหารแต่ก็ไม่อยากมานั่งทำหลายขั้นตอน ให้ยุ่งยากวุ่นวาย หรือ เหล่าชาวหอ ชาวคอนโดมีพื้นที่น้อย ขอแนะนำให้มองหาเครื่องกำจัดเศษอาหารไฟฟ้าที่มีจำหน่ายทั่วไป หาซื้อง่ายมากในบ้านเราตอนนี้ มีให้เลือกหลายรุ่นหลายแบรนด์ อย่าง Hass Thailand เครื่องกำจัดเศษอาหารอัตโนมัติของเขา ต้องยอมรับว่าใช้ง่ายและสะดวกสุด ๆ เพราะเพียงแค่เสียบปลั๊กทิ้งไว้เหมือนตู้เย็น อยากเทเศษอาหารเมื่อไรก็เทลงเครื่อง แล้วกดสตาร์ทให้เครื่องทำงาน ผ่านไปแค่ 1 – 2 วัน  (ประมาณ 24 ชั่วโมง) ขยะอาหารก็หายวับไปกับตา ไม่มีเหลือให้มดแมลงได้แอ้ม เหลือเพียงแค่ดินปุ๋ยสะอาดที่จับมือเปล่าได้อย่างสบายใจ ไม่มีแหวะ ไม่มีฝืน จนไม่อยากเชื่อว่ามันคืออดีตซากเศษอาหารมาก่อน กลิ่นก็ไม่มีกวนใจ มีแต่กลิ่นเหมือนดินปุ๋ยหมักทั่วไป ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่เลยนะ คนปลูกต้นไม้คุ้นเคยกันดี แถมยังกินไฟน้อยมาก ๆ พอ ๆ กับตู้เย็นเบอร์ 5 เลยล่ะ 

การกำจัดขยะเศษอาหารภายในบ้าน ช่วยลดปริมาณขยะอาหารไปได้หลายตันต่อเดือนเลยนะ ยิ่งถ้าร่วมมือกันทุกบ้าน ยิ่งช่วยลดไปได้อีกหลายร้อยตัน แต่ช่วยเพิ่มปริมาณขยะรีไซเคิลได้มากขึ้น win – win ทุกฝ่าย ทั้งกำจัดขยะเศษอาหารในบ้านได้แบบ 100% หมดปัญหากลิ่นเหม็นเน่า แหล่งสะสมเชื้อโรค ประหยัดเงินค่าถุงขยะ ได้ปุ๋ยฟรี ผักปลอดสาร คุณภาพชีวิตดี สิ่งแวดล้อมดี ลดโลกร้อน อากาศไม่แปรปรวน เพราะก๊าซเรือนกระจกลดลง เมื่อผลลัพท์มันเลิศและตอบโจทย์ให้กับชีวิตดีขนาดนี้ ก็คงเป็นคำตอบที่ช่วยกระจ่างในคำถาม “ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร”

The post ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/feed/ 0 341
ข่าวดีของคนขี้ลืม สิ้นสุดกันทีกับการพกบัตร เพราะ Digital ID บัตรประชาชนดิจิทัล จะมาแทนที่บัตรประชาชนตัวจริง   https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%a1-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0-digital-id-%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a5-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%c2%a0%c2%a0/ https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%a1-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0-digital-id-%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a5-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%c2%a0%c2%a0/#respond Thu, 19 Jan 2023 04:10:08 +0000 https://hitnewspress.com/?p=236 รู้ยัง!! ไม่พกบัตรประชาชน ไม่ผิดกฏหมายแล้วน๊าา แต่มีเงื่อนไข ต้องทำยังไง มามุงทางนี้เลยค่าา   เชื่อว่ามีคนไม่น้อยเลยที่ต้องแอบรู้สึกเบื่อหน่าย กับการพกบัตรประชาชนเอย ใบขับขี่ บัตรสมาชิก และอีกสารพัดบัตรทั้งหลาย จนกระเป๋าพองและนูน หุบแทบไม่ลง กลับกัน ถ้ากระเป๋าตุงเพราะธนบัตร...

The post ข่าวดีของคนขี้ลืม สิ้นสุดกันทีกับการพกบัตร เพราะ Digital ID บัตรประชาชนดิจิทัล จะมาแทนที่บัตรประชาชนตัวจริง   appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
รู้ยัง!! ไม่พกบัตรประชาชน ไม่ผิดกฏหมายแล้วน๊าา แต่มีเงื่อนไข ต้องทำยังไง มามุงทางนี้เลยค่าา  

เชื่อว่ามีคนไม่น้อยเลยที่ต้องแอบรู้สึกเบื่อหน่าย กับการพกบัตรประชาชนเอย ใบขับขี่ บัตรสมาชิก และอีกสารพัดบัตรทั้งหลาย จนกระเป๋าพองและนูน หุบแทบไม่ลง กลับกัน ถ้ากระเป๋าตุงเพราะธนบัตร อันนั้นใคร ๆ ก็ชอบแน่นอน และถ้าให้อิงตาม พ.ร.บ.ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 70 ปี ที่มีชื่ออาศัยอยู่ในทะเบียนบ้าน จะต้องมีบัตรประชาชน และผู้ที่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ไม่มีบัตรประชาชน จะถูกปรับเงิน 200 บาท และจะต้องพกบัตรประชาชนไว้เสมอเพื่อยืนยันตัวตน ทั้งในส่วนของการติดต่อสถานที่ การทำธุรกรรมการเงินและเอกสารต่าง ๆ 

การพกบัตรประชาชนนอกจากจะทำให้เปลืองพื้นที่ในกระเป๋าตังค์แล้ว บ่อยครั้งที่จะเผลอทำหล่น หรือสูญหาย ทำให้ต้องเสียเวลาไปขอทำบัตรใหม่ ซึ่งหลายขั้นตอน และยุ่งยาก หรือบางช่วงเวลาที่เรามักจะเผลอลืมพกบัตร เมื่อต้องไปติดต่อทำธุระในสถานที่ต่าง ๆ แล้วเราไม่มีบัตรประชาชนใช้ยืนยันตัวตน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการอะไรต่อได้ ทั้งพลาดโอกาส เสียเวลา และค่าใช้จ่าย เป็นปัญหาที่น่าเบื่อสุด ๆ ไปเลยใช่ไหมคะ  แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องพกบัตรประชาชนให้ยุ่งยากอีกแล้ว เมื่อรัฐบาลได้ประกาศให้นับตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 คนไทยสามารถใช้ภาพบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชันทางดิจิทัลบนสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนตัวจริงได้แล้ว และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิเสธการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลนี้ได้ 

บัตรประชาชนทางดิจิทัล หรือ Digital ID คือ บัตรประจำตัวที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนตัวจริง สามารถใช้งานได้เหมือนบัตรจริงทุกประการ ทั้งในโลกออนไลน์ การทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการเข้ารับบริการ สวัสดิการจากภาครัฐ โดยเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้เกิดรัฐบาลดิจิทัล ตาม พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยต้องการเน้นให้ภาครัฐใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก 

ทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้ Digital ID ได้ 

แต่การจะใช้ Digital ID นี้ได้ จะต้องมีการลงทะเบียนระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล DOPA-Digital ID กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตามขั้นตอนดังนี้ 

ขั้นตอนการลงทะเบียน Digital ID

  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน D.DOPA ของกรมการปกครอง 
  2. นำบัตรประชาชนใบล่าสุดไปแสดงกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ทำการตรวจสอบ ณ สำนักทะเบียนที่ว่าการอำเภอ หรือที่ทำการเขต
  3. เปิดแอปพลิเคชัน D.DOPA และอนุญาตให้ใช้อุปกรณ์ ระบุเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ให้ถูกต้อง 
  4. กดยอมรับข้อตกลง และเงื่อนไขการใช้บริการเพื่อทำการลงทะเบียน
  5. สแกน QR Code จากเจ้าหน้าที่ 
  6. ตั้งค่ารหัสผ่าน
  7. กดยินยอมอีกครั้ง พร้อมกรอกรหัสผ่านที่ตัังค่าไว้ในการอัปโหลดข้อมูลลงในแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของตน 
  8. เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง จะแสดงสถานะการสมัครสำเร็จ 

แอปพลิเคชัน D.DOPA นี้สามารถรองรับทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งในระยะแรกประชาชนสามารถเข้าใช้บริการลงทะเบียนที่สำนักทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง ทุกเขตในกรุงเทพมหานคร และในระยะต่อไป การลงทะเบียนจะมีการพัฒนาเป็นระบบออนไลน์ และขยายพื้นที่ไปตามลำดับ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น แต่ก่อนที่จะทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด ๆ ก็ตาม ควรตรวจสอบแหล่งที่มาและเว็บไซต์ให้ถูกต้องก่อนเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันภัยอันตรายที่มาพร้อมกับระบบออนไลน์ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายตามมาได้ 

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนในการใช้ Digital ID เป็นผลสำเร็จ สามารถแสดงภาพบัตรประชาชนทางดิจิทัล บนเครื่องมือสื่อสารผ่านแอปพลิเคชัน แทนการแสดงบัตรประชาชนตัวจริงได้ในทุกกรณี โดยไม่ต้องพกบัตรประชาชน และเจ้าหน้าที่ห้ามปฏิเสธการแสดง Digital ID ของประชาชน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องห่วงการพกบัตร หรือต้องหงุดหงิดเรื่องบัตรสูญหาย หรือพลาดโอกาสต่าง ๆ จากการลืมบัตรประชาชนอีกแล้ว เพราะเชื่อว่า โทรศัพท์มือถือคือปัจจัยที่ 5 ที่ไม่ว่าใครก็พอติดตัวไปทุกที่อยู่แล้ว คุณว่าจริงไหมคะ? 

The post ข่าวดีของคนขี้ลืม สิ้นสุดกันทีกับการพกบัตร เพราะ Digital ID บัตรประชาชนดิจิทัล จะมาแทนที่บัตรประชาชนตัวจริง   appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%a1-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0-digital-id-%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%a5-%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%c2%a0%c2%a0/feed/ 0 236
เสาแห่งการก่อกำเนิด Pillars of Creation คืออะไร https://hitnewspress.com/news/pillars-of-creation/ https://hitnewspress.com/news/pillars-of-creation/#respond Tue, 25 Oct 2022 03:25:40 +0000 http://hitnewspress.com/?p=135 Pillars of Creation คืออะไร | ทำความรู้จักเสาแห่งการก่อกำเนิด (Pillars of Creation) | กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723

The post เสาแห่งการก่อกำเนิด Pillars of Creation คืออะไร appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
NASA เผยภาพ “เสาแห่งการก่อกำเนิด” (Pillars of Creation) ซึ่งเป็นภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ (James Webb Space Telescope) ที่มีความละเอียดคมชัดมากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับภาพแรกที่เคยสร้างความตื่นตะลึงให้กับมนุษย์โลกมาแล้วเมื่อปี 1995 จากการถ่ายด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบิล (Hubble Space Telescope)

กล้อง เจมส์ เวบบ์ นี้เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศความยาวคลื่นอินฟราเรด ที่มีความคมชัดสูง สามารถมองทะลุผ่านในอุณหภูมิต่ำได้ชัดเจนกว่า รวมไปถึงสีสันที่แตกต่างจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบิล ที่ความยาวคลื่นแสงมองเห็นได้ด้วยสายตา ทำให้เห็นกลุ่มฝุ่นเป็นสีดำเท่านั้น จึงทำให้ภาพใหม่ล่าสุดที่นาซาเผยแพร่นี้ สามารถมองเห็น เสาแห่งการก่อกำเนิด ที่เป็นภาพกลุ่มแก๊สและกลุ่มฝุ่นขนาดมหึมาลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ระหว่างดวงดาวส่วนหนึ่งของ Eagle Nebula (เนบิวลานกอินทรี) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกออกไปราว ๆ 6,500 ปีแสง ได้อย่างละเอียดและมีสีสันที่สวยอลังการมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์สามารถศึกษาการก่อกำเนิดของดวงดาวในเนบิวลาได้ดียิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่ผลประโยชน์ต่อมนุษย์โลกได้ในอนาคต 

กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์
ภาพ : NASA , ESA , CSA , STScl 

ทำความรู้จักเสาแห่งการก่อกำเนิด (Pillars of Creation)

เสาแห่งการก่อกำเนิด หรือ Pillars of Creation เป็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สที่จะก่อตัวไปเป็นดาวฤกษ์เกิดใหม่ ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังจนเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของเนบิวลานกอินทรีย์ หรือที่นักดาราศาสตร์ และนักดูดาวรู้จักในนาม Eagle Nebula , M16 ในบริเวณกลุ่มดาวงู (Serpens) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 6,500 – 7,000 ปีแสง โดยมีส่วนที่เป็น เสา มีความยาวประมาณ 4-5 ปีแสง ในขณะที่เนบิวลานกอินทรีย์มีความกว้างประมาณ 55 – 70 ปีแสง และในส่วนโครงสร้างเสาเป็นฝุ่นหนาทึบมีฉากหลังเป็นห้วงอวกาศสีน้ำเงินเข้มที่ช่วยขับให้เด่นชัดขึ้นอย่างงดงาม 

ซึ่งหลังจากที่กล้อง เจมส์ เวบบ์ ได้เคยสร้างปรากฏการณ์ด้วยภาพ กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723  ที่เรียกได้ว่าเป็นภาพอวกาศห้วงลึก หรือ Deep Field ชุดแรก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 กล้อง เจมส์ เวบบ์ ก็ได้สร้างผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยภาพสุดคมชัดของดาวอื่น ๆ อีกหลายดวง และยังได้เปิดเผยข้อมูลของห้วงอวกาศอีกมากมาย ที่นับว่าเป็นประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์ และยังเป็นความหวังของเราทุกคน ว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เวบบ์ จะนำประโยชน์มาสู่มนุษย์ได้อย่างมหาศาล จากการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีประวัติศาสตร์ใดเคยได้จารึกมาก่อน  

ภาพ กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723

ภาพ กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723 

The post เสาแห่งการก่อกำเนิด Pillars of Creation คืออะไร appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/news/pillars-of-creation/feed/ 0 135
ระวัง! ท่องป่า เที่ยวถ้ำ อาจมีกลุ่มโรค Cave disease แฝงมาไม่รู้ตัว  https://hitnewspress.com/news/cave-disease/ Mon, 10 Oct 2022 04:26:23 +0000 https://hitnewspress.com/?p=83 โรคติดเชื้อจากในถ้ำคืออะไร และประเภทโรคใดบ้างที่เข้าข่ายเป็นเชื้อติดต่อจากในถ้ำ | โรคติดต่อที่สามารถติดเชื้อได้มาจากภายในถ้ำมีอะไรบ้าง

The post ระวัง! ท่องป่า เที่ยวถ้ำ อาจมีกลุ่มโรค Cave disease แฝงมาไม่รู้ตัว  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
จากเหตุการณ์นักท่องเที่ยวและนักเดินป่าติดเชื้อลงปอด อันเนื่องมาจากได้สูดเอาสปอร์เชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม หรือ Histoplasma casulatum ก่อโรค ฮิสโตพลาสโมซิส ซึ่งเป็นโรคทางเดินหายใจ หลังจากได้เดินทางไปท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติในป่าลึกของเขตอุทยานน้ำตกโยง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และได้มีการเข้าไปสำรวจในโพรงไม้ใหญ่ที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก และใช้เวลาอยู่ในโพรงนั้นประมาณ 3-5 นาที จนเป็นที่มาของการติดเชื้อ ซึ่งเชื้อราดังกล่าวเจริญเติบโตได้ดีในสถานที่มีอากาศอับชื้น เช่น สถานที่รกร้าง อาคารเก่า ตึกหรือโรงงานร้าง ในดิน ซากต้นไม้ โขดหิน ในโพรงไม้ใหญ่ ถ้ำ รวมไปถึงในมูลสัตว์ปีกบางชนิด เช่น ค้างคาว หรือ นก   

cave

โรคฮิสโตพลาสโมซิส หรือ Histoplasmosis เคยถูกเรียกว่าเป็นโรคติดเชื้อจากในถ้ำ (Cave disease)และเคยถูกกล่าวถึงจากเหตุการณ์ ทีมหมูป่าอะคาเดมี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลเยาชน ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนเขาถ้ำนางนอน ที่ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ด้วยกันทั้งหมด 13 ชีวิต และเนื่องจากการใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเป็นระยะเวลานาน จึงอาจทำให้มีการติดเชื้อต่าง ๆ จากภายในถ้ำออกมาสู่โลกภายนอกได้ 

โรคติดเชื้อจากในถ้ำคืออะไร และประเภทโรคใดบ้างที่เข้าข่ายเป็นเชื้อติดต่อจากในถ้ำ

เนื่องจาก “ถ้ำ” เป็นสถานที่มีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี เพราะแสงแดดส่องไม่ถึง ทำให้ภายในถ้ำมีอุณหภูมิคงที่ อับชื้น และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประจำถิ่น (cave fauna) อย่าง ค้างคาว นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์อื่น ๆ ตามแต่ละท้องที่นั้น ๆ โดยโรคติดเชื้อจากในถ้ำมักจะเกิดจากเชื้อโรคที่เชื่อมโยงกับสัตว์ประจำถิ่นเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ โดยอาจมีการสัมผัสตัวสัตว์โดยตรง สัมผัสน้ำลายหรือสารคัดหลั่งจากการโดนกัด การสูดเอาสปอร์เชื้อราบางชนิดที่อยู่ในมูลสัตว์ เป็นต้น 

bat in cave

โรคติดต่อที่โรคติดต่อที่สามารถติดเชื้อได้มาจากภายในถ้ำมีอะไรบ้าง ติดเชื้อได้มาจากภายในถ้ำมีอะไรบ้าง 


1. โรค Histoplasmosis

โรค Histoplasmosis หรือ โรคฮิสโตพลาสโมซิส คือ โรคทางเดินหายใจ ที่เกิดจากเชื้อรา Histoplasma casulatum เป็นอีกหนึ่งในโรคติดเชื้อจากในถ้ำที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากสภาพแวดล้อมภายในถ้ำที่มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเชื้อราชนิดนี้ และสามารถติดเชื้อได้ง่ายผ่านทางดินที่มีการปนเปื้อนมูลสัตว์ เช่น ค้างคาว นก ไก่ เป็ด ฯลฯ ในรูปของสปอร์ (conidia) ลอยฟุ้งในอากาศ แล้วมีการสูดหายใจเข้าสู่ปอด โดยระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์  

Histoplasma casulatum

อาการโรคฮิสโตพลาสโมซิส : โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อราฮิตโตพลาสมาฯ แทบจะไม่มีอาการ หรืออาจมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น 

  • ติดเชื้อที่ผิวหนัง 
  • มีไข้ 
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดกล้ามเนื้อ 
  • ไอ มีเสมหะหรือไม่มีเสมหะ 
  • เสียงแหบ 
  • หนาวสั่น 
  • หายใจหอบ 

กรณีที่ได้รับเชื้อปริมาณมากหรือเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ หรือเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้มีอาการรุนแรงจนอาจทำให้เกิดอันตรายจนเสียชีวิตได้ โดยอาการต่าง ๆ ได้แก่ 

  • ปอดอักเสบรุนแรง 
  • หายใจติดขัดเฉียบพลัน 
  •  มีไข้เรื้อรัง 
  • ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลืองโต 
  • มีแผลในลำคอ กระเพาะอาหาร หรือในลำไส้ 
  • ต่อมหมวกไตเสื่อมประสิทธิภาพ 
  • มีภาวะเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเกล็ดเลือดต่ำ 
  • น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ 

2. โรคฉี่หนู (Leptospirosis) 

โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Spirchete ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปเกลียว อยู่ในตระกูล Leptospira และยังเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (Zoonotic disease) โดยมี “หนู” และ “ค้างคาว” เป็นพาหะนำโรค ซึ่งเจ้าเชื้อ Leptospira ที่ว่านี้ จะมีการถูกปล่อยออกมาพร้อมกับปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ ปนเปื้อนในน้ำขังและดินที่เปียกชื้นได้เป็นระยะเวลานานกว่าหลายสัปดาห์ หรืออาจหลายเดือนเลยทีเดียว โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เช่น เยื่อบุดวงตา ปาก จมูก รอยแผล รอยขีดข่วน และยังสามารถไชเข้าสู่ทางผิวหนังที่แช่น้ำอยู่เป็นเวลานาน ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อเกิดจากการแช่น้ำท่วมขัง ว่ายน้ำ เดินเหยียบโคลน หรือจากการสัมผัสปัสสาวะ สารคัดหลั่ง หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ที่ติดเชื้อโดยตรง และระยะเวลาการฟักตัวของโรคฉี่หนูประมาณ 5-14 วัน 

อาการของโรคฉี่หนู : ผู้ติดเชื้อจะมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อที่ได้รับ ตั้งแต่ไม่มีอาการ (asymptomatic) ไปจนถึงมีอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิต (life threatening) โดยอาการโรคฉี่หนูที่พบบ่อย ได้แก่ 

  • มีไข้สูง 
  • ปวดศีรษะ 
  • หนาวสั่น 
  • ไอมีเสมหะ
  • ตาแดง 
  • ปวดกล้ามเนื้อรุนแรง โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อโคนขา น่อง และ หลัง 

สำหรับผู้ที่มีอาการโรคฉี่หนูที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง อาจมีอาการดังนี้ 

  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
  • ไอมีเลือดปน 
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง 
  • ตับและไตวาย 
  • มีจุดเลือดออกตามเยื่อบุและผิวหนัง 

3. โรคสมองอักเสลนิปาห์ (Nipah) 

โรคสมองอักเสบนิปาห์ เกิดจากเชื้อไวรัสนิปาห์ (Nipah virus) ซึ่งอยู่ในตระกูล Henipavirus และเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (zoonotic disease) เช่นเดียวกับโรคฉี่หนู โดยตัวการนำโรคคือ ค้างคาวผลไม้ (fruit bat) ที่มีกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการรับเชื้อมักมาจากการรับประทานผลไม้ที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งของค้างคาว เช่น ปัสสาวะหรือน้ำลาย หรือจากการสัมผัสสุกรที่ติดเชื้อ โดยระยะฟักตัวของโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 4-14 วัน 

อาการของโรคสมองอักเสบนิปาห์ : ผู้ติดเชื้อโรคสมองอักเสบนิปาห์มีอาการได้หลากหลายด้วยกัน ตั้งแต่ไม่มีอาการ ไปจนถึงอาการรุนแรงในระบบประสาท หรือระบบทางเดินหายใจผิดปกติ จนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้ 

  • อาการโรคสมองอักเสบนิปาห์ในระยะแรก : มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีอาการมึนงง ควบคุมสติไม่ค่อยได้ 
  • อาการรุนแรงของโรคสมองอักเสบนิปาห์ : สมองอักเสบ ปอดอักเสบ หายใจลำบากเฉียบพลัน (ARDS) มีการชัก และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด 

4. โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) 

โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies virus) เป็นไวรัสในตระกูล Lyssavirus โดยพาหะนำโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าธรรมชาติหรือสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่ สุนัข แมว กระต่าย หนู ลิง แพะ วัว ควาย หรือ ค้างคาว ที่อาศัยอยู่ในแหล่งธรรมชาติ ส่วนใหญ่การติดเชื้อจากค้างคาวมักเกิดจากโดนกัดโดยไม่รู้ตัว จึงไม่ได้สนใจที่จะทำความสะอาดบาดแผลหรือรีบทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้มีการติดเชื้อหลังจากมีการฟักตัวของโรคในช่วง 1-3 เดือน หรืออาจเพียงแค่ในระยะเวลาสั้น ๆ  7 วัน หรืออาจใช้เวลานานถึง  1 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณของเชื้อที่ได้รับ 

อาการของโรคพิษสุนัขบ้า : ในระยะเริ่มแรกจะมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ อาเจียน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ชาหรือปวดตรงบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด มีอาการคันอย่างรุนแรงที่แผลและลำตัว กลัวแสง และเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่สมองและระบบประสาท ผู้ป่วยจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง กระวนกระวาย ประสาทหลอน หายใจหอบ ชัก หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด 

นอกเหนือจากโรคเหล่านี้ ก็ยังมีโรคติดเชื้ออีกหลายชนิดที่สามารถติดต่อมาจากภายในถ้ำ เช่น โรคบาดทะยัก โรคที่เกิดจากน้ำลายเห็บ เป็นต้น 

การรักษาผู้ป่วยภาวะปอดอักเสบที่ไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านเชื้อราในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่อาจพิจารณาในการให้ยา Itraconazole และคอยสังเกตอาการ แต่ถ้าหากมีการติดเชื้อชนิดแพร่กระจาย อาจต้องพิจารณาให้ยาต้านเชื้อราทางหลอดเลือดดำ เช่น Amphotericin B หรือ Lipid formulation 

สำหรับผู้ที่เพิ่งกลับมาจากการท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติ และมีปัจจัยต่อการเสี่ยงได้รับเชื้อตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ควรทำการกักตัวอยู่ในพื้นที่เขตกักกันโรคติดต่อ เพื่อทำการตรวจสอบและคัดกรองโรคก่อนจะได้รับการอนุญาตจากแพทย์ให้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่ติดเชื้อกลุ่มโรคเหล่านี้และกำลังอยู่ในระหว่างรักษาตัวเช่นกัน งดการติดต่อหรือใกล้ชิดผู้อื่นจนกว่าจะหายจากโรคและได้รับอนุญาตจากแพทย์ เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อโรคจนเกิดการระบาดและกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมา

The post ระวัง! ท่องป่า เที่ยวถ้ำ อาจมีกลุ่มโรค Cave disease แฝงมาไม่รู้ตัว  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
83