5 หมู่บ้านสวย ๆ ในไทย ท่ามกลางแหล่งธรรมชาติเงียบสงบ
วันนี้แอดมินจะชวนทุกคนไปเยี่ยมชม และท่องเที่ยวเพลิน ๆ ไปกับหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันสดชื่น สัมผัสวิถีชีวิตขาวบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศ พักผ่อนได้เต็มที่ สูดอากาศได้เต็มปอด หาวันหยุด หรือแพลนวันว่าง ไปเที่ยวหมู่บ้านแสนน่ารักที่ไม่คิดว่าจะหาได้ในเมืองไทย แต่จะมีที่ไหนกันบ้าง เตรียมตัวไปจดไว้ในลิสต์ แล้วแพ็คกระเป๋ารอจัดทริปได้เลย
1. หมู่บ้านปางไฮ จ.เชียงใหม่
หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางเขา ของภาคเหนือเมืองไทย อยู่ใกล้แม่คำปอง แต่คนน้อยกว่า ที่นี่มีอากาศร่มรื่น เย็นสบายตลอดปี มีลำธารเล็ก ๆ กลางหมู่บ้าน บริเวณที่พักเป็นสไตล์บ้านไม้หรือแคมป์กลางป่า เหมาะกับคนที่ต้องการมาเที่ยวใกล้ชิดธรรมชาติและพักผ่อนอย่างแท้จริง ของดีประจำหมู่บ้านปางไฮ คือ กาแฟอาราบิก้า ที่เก็บแล้วมาคั่ว บด ชง ชิม ให้ดื่มกันสด ๆ คอกาแฟไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง โดยกิจกรรมของที่นี่คือการปั่นจักรยานชมวิวธรรมชาติ ใกล้ ๆ หมู่บ้านมีทั้งดอยสะเก็ด กิ่วฝิ่น แม่กำปอง และ น้ำตก ให้ได้เที่ยวเพลิน ๆ ซึ่งการไปที่หมู่บ้านปางไฮ ด้วยการขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะได้พบเจอกับหมู่บ้านแสนสงบ เสมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
2. บ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง
หมู่บ้านกลางหุบเขา ที่รายล้อมไปด้วยป่าไม้เหมี้ยง หรือ ใบเมี่ยง ตามชื่อหมู่บ้าน บรรยากาศสงบ ร่มรื่น และอากาศสดชื่นท่ามกลางธรรมชาติ มีลำธารกลางป่า วิวสวยบนดอย โดยที่นี่จะมีโฮมสเตย์ให้เลือกพักได้หลายแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย แตกต่างกันไป เช่น เก็บใบเมี่ยง เก็บเมล็ดกาแฟ คั่ว บด และชงกาแฟร่วมกับชาวบ้าน จิบกาแฟจากไร่ หรือกินขันโตกพื้นเมือง และเล่นน้ำตกที่แม่ปาน เป็นต้น การเดินทางไปที่บ้านป่าเหมี้ยง ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองลำปางเพียง ½ ชั่วโมง หรือ นั่งรถโดยสารจากในเมืองลำปาง ขึ้นที่ตลาดกองต้า เลือกขึ้น สายลำปาง-แจ้ซ้อน แล้วไปลงที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงบริเวณทางเข้า เพื่อสอบถามก่อนเข้าพัก (ดูข้อมูลที่พัก Facebook : หมู่บ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง)
3. หมู่บ้านสะปัน จ.น่าน
หมู่บ้านกลางขุนเขาที่สลับกับวิวท้องนา ที่นี่จะมีที่พักให้เลือก ทั้งแบบรีสอร์ท และ โฮมสเตย์ นอนชมบรรยากาศสายหมอกแบบใกล้ชิด แล้วแวะไปเล่นน้ำเย็นสบายที่น้ำตกสะปันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน หรือถ้าเป็นสายคอกาแฟก็แวะไปจิบกาแฟรสอร่อยได้ที่ค่าเฟ่ ฟินไปกับกลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นท่ามกลางวิวสวย ๆ สำหรับใครที่ชอบอากาศเย็น ๆ อยากใกล้ชิดม่านหมอก แนะนำช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะจะมีอากาศหนาวเย็น และมีหมอกมาให้ชมอย่างใกล้ชิดมาก ๆ ส่วนการเดินทาง ขับรถจากตัวในตัวเมืองน่าน ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง หรือหากเดินทางจากบ่อเกลือ จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที (ดูข้อมูลที่พัก Facebook : หมู่บ้านสะปัน จ.น่าน)
4. หมู่บ้านคีรีวงกต จ.อุดรธานี
หมู่บ้านเหนือสุดของจังหวัดอุดรธานี หมู่บ้าคีรีวงกตอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ท่ามกลางทุ่งนาที่โอบล้อมไปด้วยป่าเขา และ ม่านหมอก มีแต่วิวธรรมชาติรายล้อม มาพักที่นี่รับรองว่าลืมความเหนื่อยในการเดินทาง เพราะจะรู้สึกฟินและเสมือนได้ชาร์จพลังงานเต็มที่ จนแทบไม่อยากเดินทางกลับ ผนวกกับการได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ที่ยังคงมีความเรียบง่าย ดั้งเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามายังหมู่บ้านได้สะดวกมากขึ้น ด้วยการโดยสารรถอีแต๊กลุยไปตลอดทาง ตั้งแต่บนถนนดินแดงไปจนถึงการลุยน้ำในลำธาร ทานอาหารท้องถิ่นกลางป่า และมีกิจกรรมได้ร่วมกับชาวบ้านท้องถิ่น รับรองว่าจะเป็นทริปที่น่าจดจำไปอีกนาน การเดินทางมาที่หมู่บ้านคีรีวงกต ด้วยการขับรถจากตัวเมืองอุดรธานี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือ ใช้บริการรถโดยสาร รถทัวร์ หรือรถตู้ มาลงที่ อ.น้ำโสม จากนั้นติดต่อกับโฮมสเตย์ที่ติดต่อไว้ให้มารับ
5. หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช
หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่มีค่าอากาศดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมคลองท่าดี ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปักต์ใต้บ้านเรา ที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงอุดมไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ น้ำตก ลำธาร และภูเขา อาหารรสจัดจ้าน อร่อยทุกเมนู มีรูปแบบที่พักให้เลือก ทั้งบ้านพักที่สร้างจากไม้ไผ่ รีสอร์ท โฮมสเตย์ หรือจะกางเต็นทร์ริมน้ำ ก็ได้ฟิน ฟีลธรรมชาติบำบัดสุด ๆ เพราะที่นี่ยังคงรักษาวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิมไว้ แม้ว่าจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว และมีผู้คนมาเยี่ยมเยือนมากมายไม่ขาดสาย แถมที่นี่ยังมีจุดเช็กอินให้ถ่ายรูปสวย ๆ อวดลงโซเซียลมากมาย ทั้งที่บริเวณสะพานบ้านคีรีวง สะพานแขวนท่าหา ตลาดนัดคีรีวง หนานหินท่าหา เป็นต้น ส่วนการเดินทาง ขับรถจากตัวเมืองนครฯ ไปยังหมู่บ้านคีรีวง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรือใช้บริการรถโดยสารสาย นคร – คีรีวง จากท่ารถ บขส.นครศรีธรรมราช