9 สมุนไพรไทยช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ควรมีไว้ติดครัว
พืชผักสวนครัวไทยหลายชนิดที่นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรไทย ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต่อต้านอาการเจ็บป่วยในร่างกายได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่า ผักสมุนไพรไทยอะไรบ้างที่ควรมีไว้ติดครัว จะได้หามาติดบ้านไว้ค่ะ
1. กระเทียม ลดการอักเสบระดับเซลล์
กระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยมีติดครัวมาเนิ่นนาน เพราะเราใช้ประกอบอาหารแทบทุกชนิด แถมยังมีดีในด้านยาสมุนไพร เพราะมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ โดยเฉพาะการอักเสบในกระเพาะอาหาร เสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว อีกทั้งน้ำมันกระเทียมช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคอเรสเตอรอลสูง ทานได้ทั้งแบบกระเทียมสดและปรุงสุก
2. ขิง ต้านการอักเสบ
ขิง มีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบได้ดี ซึ่งคนไทยก็ใช้ขิงประกอบอาหารมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบในการปรุงยาสมุนไพร เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ในการต้านอนุมุลอิสระ ขับลม แก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน แก้พิษ ลดบวม บรรเทาอาการหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีการนำขิงแก่ไปต้มแล้วดื่มแต่น้ำ จะได้รับประโยชน์ของขิงเต็มที่ ช่วยให้ชุ่มคอและบรรเทาอาการเจ็บคอได้เร็วขึ้น
3. พริก ขับเหงื่อ ลดปวด ต้านการอักเสบตามข้อ
รสเผ็ดจัดจ้านคู่กับอาหารไทยมาแต่โบราณ พริก จึงเป็นพืชสมุนไพรที่ต้องมีติดครัวทุกบ้าน ปลูกง่าย และช่วยชูรสชาติให้อาหารมีรสอร่อยยิ่งขึ้น เมื่อเรากินรสเผ็ด มักจะมีเหงื่อน้ำลายมากกว่าปกติ เนื่องจาก สารแคปไซซิน (Capsaicin) ภายในเม็ดพริก มีฤทธิ์ขับสารพิษ โดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเมือกเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจออกมา ขยายหลอดลม ทำให้หายใจโล่ง ลดน้ำมูก ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ และช่วยต้านการอักเสบแบบเดียวกับขิง ช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม
4. หอมหัวใหญ่ ลดอาการหวัด คัดจ จมูก
หอมใหญ่ หรือ หอมหัวใหญ่ สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบอาหาร ทั้งผัด ต้ม แกง ทอด เป็นอาหารคาว หรือของทานเล่นก็ได้ สามารถทานหอมหัวใหญ่ดิบหรือสุกก็ได้ โดยหอมหัวดิบจะมีรสเผ็ดซ่า แต่ถ้าทานหอมหัวใหญ่สุกจะมีรสหวาน สารในหอมหัวใหญ่ที่ชื่อ เคอร์ซิติน (Quercitin) มีฤทธิ์ต้านไวรัสหวัด ไข้หวัดใหญ่ บรรเทาอาการคัดจมูก ขับเสมหะ ช่วยขยายหลอดลม เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดี
5. หอมแดง บำรุงโลหิต บรรเทาอาการหวัด
หอมแดง อีกพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ประกอบอาหาร ทานได้ทั้งแบบดิบและปรุงสุก สารในหอมแดงมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาอาการหวัดได้ นำหอมแดงดิบทุบพอให้แตก แล้วนำไปสูดดม จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น การทานหอมแดงช่วยบำรุงโลหิต เสริมสร้างความจำ และช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย
6. ตะไคร้ ลดอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ
ตะไคร้ อีกพืชสมุนไพรไทย ที่เป็นพืชผักประจำครัว นำมาประกอบอาหาร ช่วยเพิ่มกลิ่นและชูรสให้กับอาหาร หรือจะทำเป็นเครื่องดื่มก็ช่วยแก้ดับกระหายได้ดี ตะไคร้มีน้ำมันที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยแก้อาการหวัด ลดไข้ แก้ปวดหัว ปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ
7. กระชาย บำรุงหัวใจ
กระชาย สมุนไพรที่มักจะเป็นส่วนประกอบอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะแกงหรือผัด เพราะช่วยเพิ่มความจัดจ้าน อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยามากมาย บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูก กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง เสริมภูมิคุ้มกันใหักับร่างกาย และมีงานวิจัย สารสกัดจากกระชายขาวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโควิด 19 ได้ด้วยเช่นกัน
8. มะนาว แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการต่อมทอนซิล
สารพัดเมนูอาหารไทย ไม่ว่าจะยำ ส้มตำ ต้มยำ ต้มโคล้ง ย่อมขาดมะนาวไปไม่ได้ นอกจากช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารแล้ว รสเปรี้ยวจี๊ดของ มะนาว มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ต่อต้านเชื้อโรค แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการหวัด ต่อมทอนซิล ช่วยให้หายใจโล่ง ลดเสมหะ และยังช่วยบำรุงผิวให้แลดูสดใส อ่อนเยาว์
9. โหระพา ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
โหระพา ผักสวนครัวไทย ที่มักจะถูกนำมาประกอบอาหาร ไม่เฉพาะแค่อาหารไทย แต่อาหารต่างประเทศทั่วโลกที่มักมีโหระพาช่วยปรุงรสชาติให้อาหารมีมิติมากขึ้น เพราะโหระพามีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังช่วยดับกลิ่นคาวได้ดี ส่วนสรรพคุณทางยาของโหระพา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการปวดท้องจากท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการหวัด ปวดศีรษะ และนำไปใช้ร่วมกับขิงเพื่อแก้อาการไอ
ที่มา : หมอชาวบ้าน , สำนักข้อมูลสมุนไพรไทย คณเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล