สุขภาพ Archives - HIT NEWS PRESS https://hitnewspress.com/category/health/ Mon, 18 Dec 2023 01:25:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.2 https://hitnewspress.com/wp-content/uploads/2022/10/cropped-logo-white-32x32.png สุขภาพ Archives - HIT NEWS PRESS https://hitnewspress.com/category/health/ 32 32 บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/ https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/#respond Mon, 18 Dec 2023 01:15:15 +0000 https://hitnewspress.com/?p=443 การบริจาคอวัยวะ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ใน “การให้” ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเสมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา ได้กลับคืนมาอยู่กับครอบครัวด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ดูแลครอบครัวและคนที่รัก ลดการสูญเสีย และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป แต่หลายคนยังสับสนหรือไม่เข้าใจ การบริจาคอวัยวะกับการบริจาคร่างกายเหมือนกันหรือต่างกันยังไง และใครสามารถบริจาคอวัยวะได้บ้าง และสามารถบริจาคอวัยวะได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาฝากในบทความนี้แล้วค่ะ 1....

The post บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
การบริจาคอวัยวะ ถือว่าเป็นการสร้างประโยชน์ใน “การให้” ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเสมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่หมดหนทางรักษา ได้กลับคืนมาอยู่กับครอบครัวด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ดูแลครอบครัวและคนที่รัก ลดการสูญเสีย และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป แต่หลายคนยังสับสนหรือไม่เข้าใจ การบริจาคอวัยวะกับการบริจาคร่างกายเหมือนกันหรือต่างกันยังไง และใครสามารถบริจาคอวัยวะได้บ้าง และสามารถบริจาคอวัยวะได้ที่ไหนบ้าง เรามีข้อมูลมาฝากในบทความนี้แล้วค่ะ

ภาพจาก https://lifestyle.campus-star.com/

1. การบริจาคอวัยวะ 

การบริจาคอวัยวะ คือ การบริจาคอวัยวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด สำหรับการนำไปใช้เพื่อปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีอื่น เป็นการยืดอายุให้ผู้ป่วยมีชีวิตต่อไปได้ โดยอาจได้จากอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธาที่ได้แสดงเจตจำนงบริจาคอวัยวะไว้ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์บริจาคให้แทน เนื่องจากการเสียชีวิตกระทันหัน หรือผู้เสียชีวิตไม่มีโอกาสได้แจ้งบริจาคด้วยตนเอง โดยหลังจากที่หมอปลูกถ่ายอวัยวะเสร็จเรียบร้อย จะทำการนำร่างของผู้เสียชีวิตส่งกลับคืนให้กลับทางครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป  

อวัยวะส่วนใดบ้างที่สามารถบริจาคได้ 

ปัจจุบันอวัยวะที่สามารถบริจาคได้ คือ ดวงตา ปอด หัวใจ ลิ้นหัวใจ ตับ และ ไต 

2. การบริจาคร่างกาย 

การบริจาคร่างกาย คือ การบริจาคทั้งร่างกายหลังจากเสียชีวิต เป็น “อาจารย์ใหญ่” เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษา นำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ โดยผู้ที่จะเป็นอาจารย์ใหญ่ จะต้องมีอวัยวะครบถ้วน ยกเว้นดวงตา 

เห็นได้ว่าการบริจาคร่างกายต่างจากการบริจาคอวัยวะอย่างสิ้นเชิง เพราะการบริจาคร่างกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการศึกษาเท่านั้น ดังนั้น ผู้ยื่นจำนงบริจาคร่างกายจะไม่สามารถบริจาคอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้ ยกเว้น ดวงตา ที่สามารถบริจาค แต่ถ้าใครที่ต้องการบริจาคอวัยวะหลังตนเองเสียชีวิต เพื่อให้อวัยวะของตนได้มีเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือชีวิตอื่นได้อยู่ต่อไป ก็จะไม่สามารถยื่นเรื่องขอบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาได้ 

ใครบริจาคอวัยวะได้บ้าง 

คุณสมบัติผู้บริจาคอวัยวะ มีดังนี้ 

  • อายุไม่เกิน 65 ปี 
  • เสียชีวิตจากสมองตาย 
  • ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง 
  • ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคตับ โรคไต ความดันโลหิตสูง และต้องไม่มีประวัติติดสุราเรื้อรัง เพราะอวัยวะที่จะนำไปใช้งานต่อจะต้องมีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี 
  • ปราศจากเชื้อที่สามารถถ่ายทอดผ่านทางการปลูกถ่ายอวัยวะได้ เช่น ไวรัสเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น 
  • จะต้องแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะของตนเองแก่ครอบครัวหรือญาติให้ทราบ 

ทำไมการบริจาคอวัยวะจึงต้องแจ้งครอบครัวหรือญาติให้ทราบ

กรณีที่ได้ทำการยื่นขอบริจาคอวัยวะด้วยตนเอง ควรแจ้งให้บุคคลในครอบครัวหรือญาติทราบด้วย เพราะหากเสียชีวิตจะได้สามารถทำการบริจาคอวัยวะได้ทันที โดยมีญาติเป็นผู้เซ็นยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะหากญาติไม่ยินยอม จะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นโมฆะ หรือกว่าจะทำการเข้าใจตรงกันระหว่างทางโรงพยาบาลกับญาติผู้เสียชีวิต อาจใช้เวลานาน จนไม่สามารถทำการปลูกถ่ายอวัยวะได้ เพราะการทำงานของอวัยวะเสื่อมประสิทธิภาพ หรือกลายเป็นอวัยวะตาย เพราะมีระยะเวลาจำกัดในการย้ายปลูกถ่ายอวัยวะ 

ภาพจาก https://lifestyle.campus-star.com/

ติดต่อบริจาคร่างกาย หรือ บริจาคอวัยวะได้ที่ช่องทางไหนบ้าง 

  • ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 5 ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพ 10330 
  • เว็บไซต์ www.organdonate.in.th 
  • หมายเลขติดต่อ 1666

The post บริจาคร่างกายกับบริจาคอวัยวะต่างกันยังไง  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89/%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b8%b0/feed/ 0 443
9 สมุนไพรไทยช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ควรมีไว้ติดครัว https://hitnewspress.com/health/9-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7/ https://hitnewspress.com/health/9-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7/#respond Fri, 27 Oct 2023 04:12:19 +0000 https://hitnewspress.com/?p=409 พืชผักสวนครัวไทยหลายชนิดที่นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรไทย ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต่อต้านอาการเจ็บป่วยในร่างกายได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่า ผักสมุนไพรไทยอะไรบ้างที่ควรมีไว้ติดครัว จะได้หามาติดบ้านไว้ค่ะ  1. กระเทียม ลดการอักเสบระดับเซลล์  กระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยมีติดครัวมาเนิ่นนาน เพราะเราใช้ประกอบอาหารแทบทุกชนิด แถมยังมีดีในด้านยาสมุนไพร...

The post 9 สมุนไพรไทยช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ควรมีไว้ติดครัว appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
พืชผักสวนครัวไทยหลายชนิดที่นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรไทย ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร แถมยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต่อต้านอาการเจ็บป่วยในร่างกายได้อีกด้วย ไปดูกันดีกว่าว่า ผักสมุนไพรไทยอะไรบ้างที่ควรมีไว้ติดครัว จะได้หามาติดบ้านไว้ค่ะ 

1. กระเทียม ลดการอักเสบระดับเซลล์ 

กระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยมีติดครัวมาเนิ่นนาน เพราะเราใช้ประกอบอาหารแทบทุกชนิด แถมยังมีดีในด้านยาสมุนไพร เพราะมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ โดยเฉพาะการอักเสบในกระเพาะอาหาร เสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว อีกทั้งน้ำมันกระเทียมช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคอเรสเตอรอลสูง ทานได้ทั้งแบบกระเทียมสดและปรุงสุก 

2. ขิง ต้านการอักเสบ 

ขิง มีคุณสมบัติในการช่วยต้านการอักเสบได้ดี ซึ่งคนไทยก็ใช้ขิงประกอบอาหารมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบในการปรุงยาสมุนไพร เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ในการต้านอนุมุลอิสระ ขับลม แก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน แก้พิษ ลดบวม บรรเทาอาการหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีการนำขิงแก่ไปต้มแล้วดื่มแต่น้ำ จะได้รับประโยชน์ของขิงเต็มที่ ช่วยให้ชุ่มคอและบรรเทาอาการเจ็บคอได้เร็วขึ้น 

3. พริก ขับเหงื่อ ลดปวด ต้านการอักเสบตามข้อ

รสเผ็ดจัดจ้านคู่กับอาหารไทยมาแต่โบราณ พริก จึงเป็นพืชสมุนไพรที่ต้องมีติดครัวทุกบ้าน ปลูกง่าย และช่วยชูรสชาติให้อาหารมีรสอร่อยยิ่งขึ้น เมื่อเรากินรสเผ็ด มักจะมีเหงื่อน้ำลายมากกว่าปกติ เนื่องจาก สารแคปไซซิน (Capsaicin) ภายในเม็ดพริก มีฤทธิ์ขับสารพิษ โดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเมือกเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจออกมา ขยายหลอดลม ทำให้หายใจโล่ง ลดน้ำมูก  ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอ และช่วยต้านการอักเสบแบบเดียวกับขิง ช่วยลดอาการปวดในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม 

4. หอมหัวใหญ่ ลดอาการหวัด คัดจ จมูก 

หอมใหญ่ หรือ หอมหัวใหญ่ สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบอาหาร ทั้งผัด ต้ม แกง ทอด เป็นอาหารคาว หรือของทานเล่นก็ได้ สามารถทานหอมหัวใหญ่ดิบหรือสุกก็ได้ โดยหอมหัวดิบจะมีรสเผ็ดซ่า แต่ถ้าทานหอมหัวใหญ่สุกจะมีรสหวาน สารในหอมหัวใหญ่ที่ชื่อ เคอร์ซิติน (Quercitin) มีฤทธิ์ต้านไวรัสหวัด ไข้หวัดใหญ่ บรรเทาอาการคัดจมูก ขับเสมหะ ช่วยขยายหลอดลม เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดี 

5. หอมแดง บำรุงโลหิต บรรเทาอาการหวัด

หอมแดง อีกพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ประกอบอาหาร ทานได้ทั้งแบบดิบและปรุงสุก สารในหอมแดงมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาอาการหวัดได้ นำหอมแดงดิบทุบพอให้แตก แล้วนำไปสูดดม จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น การทานหอมแดงช่วยบำรุงโลหิต เสริมสร้างความจำ และช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย 

6. ตะไคร้ ลดอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ 

ตะไคร้ อีกพืชสมุนไพรไทย ที่เป็นพืชผักประจำครัว นำมาประกอบอาหาร ช่วยเพิ่มกลิ่นและชูรสให้กับอาหาร หรือจะทำเป็นเครื่องดื่มก็ช่วยแก้ดับกระหายได้ดี ตะไคร้มีน้ำมันที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยแก้อาการหวัด ลดไข้ แก้ปวดหัว ปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ 

Kaempfer root food herbal medicine nature Fingerroot Chinese Ginger, Galingale, Kaempfer

7. กระชาย บำรุงหัวใจ 

กระชาย สมุนไพรที่มักจะเป็นส่วนประกอบอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะแกงหรือผัด เพราะช่วยเพิ่มความจัดจ้าน อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยามากมาย บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูก กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง เสริมภูมิคุ้มกันใหักับร่างกาย และมีงานวิจัย สารสกัดจากกระชายขาวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโควิด 19 ได้ด้วยเช่นกัน 

8. มะนาว แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการต่อมทอนซิล 

สารพัดเมนูอาหารไทย ไม่ว่าจะยำ ส้มตำ ต้มยำ ต้มโคล้ง ย่อมขาดมะนาวไปไม่ได้ นอกจากช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารแล้ว รสเปรี้ยวจี๊ดของ มะนาว มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ต่อต้านเชื้อโรค แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการหวัด ต่อมทอนซิล ช่วยให้หายใจโล่ง ลดเสมหะ และยังช่วยบำรุงผิวให้แลดูสดใส อ่อนเยาว์ 

9. โหระพา ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ 

โหระพา ผักสวนครัวไทย ที่มักจะถูกนำมาประกอบอาหาร ไม่เฉพาะแค่อาหารไทย แต่อาหารต่างประเทศทั่วโลกที่มักมีโหระพาช่วยปรุงรสชาติให้อาหารมีมิติมากขึ้น เพราะโหระพามีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังช่วยดับกลิ่นคาวได้ดี ส่วนสรรพคุณทางยาของโหระพา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการปวดท้องจากท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาอาการหวัด ปวดศีรษะ และนำไปใช้ร่วมกับขิงเพื่อแก้อาการไอ 

ที่มา : หมอชาวบ้าน , สำนักข้อมูลสมุนไพรไทย คณเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 

The post 9 สมุนไพรไทยช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ควรมีไว้ติดครัว appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/9-%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7/feed/ 0 409
ข้อดี-ข้อเสียของการอาบน้ำร้อน และอาบน้ำร้อนที่อุณหภูมิเท่าไรดีต่อสุขภาพ https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%b5-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%ab%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e/ https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%b5-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%ab%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e/#respond Fri, 01 Sep 2023 01:13:10 +0000 https://hitnewspress.com/?p=380 การอาบน้ำ ไม่เพียงแต่เพื่อการชำระทำความสะอาดร่างกายเท่านั้น แต่การอาบน้ำยังมีผลต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่เราใช้อาบนั่นเอง ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนิยมอาบน้ำร้อน หรืออาบน้ำอุ่นแล้วอาบน้ำเย็น เพราะเชื่อว่าทำให้เลือดลมไหวเวียนดี แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยลดความรู้สึกตึงเครียดกับการทำงานมาทั้งวัน ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเลือกที่จะอาบน้ำร้อนทุกวัน แต่รู้ไหมว่าการอาบน้ำอุ่นเป็นประจำส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร อาบน้ำร้อนทุกวันดีไหม หรือควรอาบน้ำที่อุณหภูมิเท่าไรดี วันนีัแอดมินมีข้อดี...

The post ข้อดี-ข้อเสียของการอาบน้ำร้อน และอาบน้ำร้อนที่อุณหภูมิเท่าไรดีต่อสุขภาพ appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
การอาบน้ำ ไม่เพียงแต่เพื่อการชำระทำความสะอาดร่างกายเท่านั้น แต่การอาบน้ำยังมีผลต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่เราใช้อาบนั่นเอง ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนิยมอาบน้ำร้อน หรืออาบน้ำอุ่นแล้วอาบน้ำเย็น เพราะเชื่อว่าทำให้เลือดลมไหวเวียนดี แถมยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยลดความรู้สึกตึงเครียดกับการทำงานมาทั้งวัน ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงเลือกที่จะอาบน้ำร้อนทุกวัน แต่รู้ไหมว่าการอาบน้ำอุ่นเป็นประจำส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร อาบน้ำร้อนทุกวันดีไหม หรือควรอาบน้ำที่อุณหภูมิเท่าไรดี วันนีัแอดมินมีข้อดี ข้อเสียของการอาบน้ำอุ่นมาไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ 

ข้อดีของการอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน 

  • ร่างกายรู้สึกตื่นตัว ลดความเหนื่อยล้า 
  • ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • ช่วยลดความเครียดระหว่างวัน
  • ช่วยให้หลับสบาย หลับง่ายขึ้น 
  • ผู้หญิงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือนอาบน้ำอุ่น ช่วยให้ระบบโลหิตไหลเวียนเลือดดียิ่งขึ้น ลดอาการเกร็งในช่องท้อง ลดอาการปวดท้องได้ 
  • ลดอาการบวมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง 
  • ดัชนี BMI (Body mass index) ความดันโลหิต และ ระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานดีกว่า 

อาบน้ำร้อน ข้อเสียมีอะไรบ้าง 

  • ผิวแห้ง เพราะอุณหภูมิความร้อนของน้ำจะชะล้างความชุ่มชื้นบนผิวออกไปด้วย ทำให้ผิวแห้งกร้านได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลังอาบน้ำทันที 
  • ความไวต่อประสาทสัมผัส บางรายอาจมีความไวต่อประสาทสัมผัสความร้อน เมื่ออาบน้ำร้อนหรืออาบน้ำอุ่น อาจไม่รู้สึกถึงความร้อนของน้ำ ทำให้กะปริมาณอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ถูก จนทำให้น้ำร้อนลวกผิวโดยไม่รู้ตัวได้ 
  • ปัญหาอาการชา ในผู้สูงอายุ เด็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนปลาย โดยบุคคลกลุ่มเหล่านี้อาจมีปัญหาเกี่ยวกับอาการชา หรือไร้ความรู้สึกเมื่อจับหรือสัมผัสของร้อน เสี่ยงอันตรายเกิดขึ้นได้ เช่น ไปจับกาน้ำร้อนหรือแก้วน้ำร้อนแต่ไม่รู้สึกร้อน จึงเผลอทำน้ำร้อนหกลวกตัวเองจนเกิดแผลพุพอง หรือนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ได้ 

อาบน้ำอุณหภูมิเท่าไรเหมาะสมและดีต่อสุขภาพ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอาบน้ำร้อน น้ำอุ่น ควรรู้ถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการอาบน้ำและส่งผลดีต่อสุขภาพผิว เพราะหากอาบน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการอาบน้ำ ร้อนประมาณ 37 – 42 องศาเซลเซียส ส่วนการอาบน้ำอุ่นอยู่ที่ 27 – 37 องศาเซลเซียส เนื่องจากระดับความร้อนที่ 37 องศาฯ เป็นความร้อนระดับเดียวกับอุณหภูมิในร่างกาย เมื่ออาบแล้วจึงสบายตัว แม้อาบน้ำหรือแช่น้ำร้อนนาน ๆ ก็ไม่รู้สึกแสบผิว แต่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียที่สะสมอยู่ภายในออกมาได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย สบายตัว ลดความเครียดสะสม ช่วยลดอาการมือเท้าเย็น บวม กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการเส้นเลือดขอด และช่วยให้หลับง่ายขึ้น นอนหลับสบาย เหมาะกับผู้ที่มีปัญหานอนหลับยาก 

ใช้เวลาอาบน้ำกี่นาทีดีต่อสุขภาพ

แม้ว่าการอาบน้ำหรือแช่น้ำร้อนในอุณหภูมิไม่เกิน 37 องศาเซลเซียส จะดีต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ควรใช้เวลาในการอาบน้ำร้อนนานเกิน 15 นาที เพราะอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลมหรือหมดสติได้ และทำให้แห้งกร้านเกินไปอีกด้วย ซึ่งเวลาที่เหมาะสมในการอาบน้ำ คือ ประมาณ 5 – 10 นาที จัดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการอาบน้ำ และเวลาที่ไม่ควรอาบน้ำช่วงดึกเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลในการปรับอุณหภูมิ และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว เพราะจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น 

ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป โดยความถี่ในการอาบน้ำ แนะนำให้อาบน้ำวันละ 1 – 2 ครั้ง เพราะการอาบน้ำบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง หรืออาจเกิดการระคายเคืองได้ แต่ก็ไม่ควรเว้นช่วงการอาบน้ำให้ห่างเกินไป เพราะการไม่อาบน้ำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ เหา หิด หรือ โลน เป็นต้น 

แต่สำหรับใครที่ชอบอาบน้ำร้อนแล้วอาบน้ำเย็นตาม หรือชอบอาบน้ำเย็นมากกว่า การอาบน้ำเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส จะช่วยให้กล้ามเนื้อและร่างกายตื่นตัว รู้สึกสดชื่น แถมอาบน้ำเย็นยังช่วยให้ลดอาการซึมเศร้า หรือความรู้สึกหดหู่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอาบน้ำเย็น อาบน้ำร้อน หรืออาบน้ำอุ่น ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันทีหลังจากอาบนำทุกครั้ง เพื่อลดอาการผิวแห้งแตกจากการสูญเสียความชุ่มชื้นจากการอาบน้ำ 

The post ข้อดี-ข้อเสียของการอาบน้ำร้อน และอาบน้ำร้อนที่อุณหภูมิเท่าไรดีต่อสุขภาพ appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%b5-%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%ab%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a3%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e/feed/ 0 380
เวลาไหนบ้างที่ไม่ควรอาบน้ำ เพราะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้   https://hitnewspress.com/health/%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%96%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89/ https://hitnewspress.com/health/%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%96%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89/#respond Tue, 29 Aug 2023 00:13:22 +0000 https://hitnewspress.com/?p=363 เราทุกคนต่างก็ต้องอาบน้ำทุกวัน เพื่อชำระทำความสะอาดร่างกาย ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มาเกาตามผิวหนังเรา โดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปนอกบ้าน เข้าสังคม พบเจอผู้คนหลากหลาย อาจมีเชื้อโรคต่าง ๆ แฝงกายติดมากับร่างกายและเสื้อผ้าของเราโดยที่เรามองไม่เห็น หรืออาบน้ำก่อนเพื่อกำจัดเหงื่อไคล ไม่ให้มีกลิ่นตัวไปรบกวนผู้อื่น นอกจากนี้ การอาบน้ำช่วยให้เราผ่อนคลาย...

The post เวลาไหนบ้างที่ไม่ควรอาบน้ำ เพราะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้   appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
เราทุกคนต่างก็ต้องอาบน้ำทุกวัน เพื่อชำระทำความสะอาดร่างกาย ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มาเกาตามผิวหนังเรา โดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปนอกบ้าน เข้าสังคม พบเจอผู้คนหลากหลาย อาจมีเชื้อโรคต่าง ๆ แฝงกายติดมากับร่างกายและเสื้อผ้าของเราโดยที่เรามองไม่เห็น หรืออาบน้ำก่อนเพื่อกำจัดเหงื่อไคล ไม่ให้มีกลิ่นตัวไปรบกวนผู้อื่น นอกจากนี้ การอาบน้ำช่วยให้เราผ่อนคลาย รู้สึกสดชื่น คลายร้อน สบายตัว ลดความเหนื่อยเมื่อยล้า และลดความตึงเครียดลงได้ แม้ว่าประโยชน์ของการอาบน้ำจะมีมาก แต่รู้ไหมว่าอาบน้ำผิดเวลาก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าเวลาไหนไม่ควรอาบน้ำบ้าง

หลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ 

ไม่ควรอาบน้ำหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ เพราะหลังจากทานอาหาร เลือดจะไหลไปเลี้ยงที่ระบบย่อยเป็นจำนวนมาก เพื่อเสริมกำลังในการย่อยอาหาร ถ้าอาบน้ำในช่วงเวลานี้ ทำให้เลือดต้องแบ่งไปเลี้ยงอวัยวะส่วนอื่น ๆ ด้วย อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ จนเกิดอาการท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อยได้ 

หลังตากแดด หรือในช่วงที่อากาศร้อนจัด 

ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ยิ่งช่วงหลัง ๆ มานี้ อากาศยิ่งอบอ้าว และร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้หลาย ๆ คนทนไม่ไหว จึงต้องการอาบน้ำคลายร้อน แต่การอาบน้ำทั้งที่เพิ่งตากแดดมา หรืออาบน้ำในขณะที่อากาศอบอ้าวหรือร้อนมาก ๆ จะทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน เสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติที่อาจอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะคนที่มีภาวะความดันต่ำ หากรู้สึกร้อนและต้องการอาบน้ำ ควรนั่งพักในร่มสักระยะหนึ่ง หรือจนกว่าจะหายร้อนเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปอาบน้ำ 

หลังดื่มแอลกอฮอล์ 

ไม่ควรอาบน้ำหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นช่วงเวลาที่กลูโคสในกระแสเลือดน้อยกว่าปกติ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะไปยับยั้งการทำงานของตับ ทำหน้าที่ปล่อยกลูโคสสู่กระแสเลือดได้น้อยลง ในขณะที่ช่วงเวลาอาบน้ำจะต้องการกลูโคสมากกว่าปกติ ทำให้ปริมาณกลูโคสหรือน้ำตาลในกระแสเลือดไม่เพียงพอ ในขณะที่อาบน้ำ เสี่ยงก่อให้เกิดอาการหน้ามืด ตาลาย เวียนศีรษะ ไร้เรี่ยวแรง และอาจหมดสติ เป็นลมและล้มลงในห้องน้ำ และเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการล้มได้ 

หลังออกกำลังกาย 

ไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกายโดยทันที เพราะหัวใจเพิ่งผ่านการทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดระหว่างออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจเร็วและแรงกว่าปกติ หากอาบน้ำทันทีอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่เพียงพอ หรือหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงฉับพลัน จนทำให้เกิดอาการช็อคและเสียชีวิต หรือหมดสติล้มลงศีรษะฟาดพื้นรุนแรงจนเสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น หลังจากออกกำลังกาย ควรนั่งพักให้หายเหนื่อย หรือจนกว่าเหงื่อจะแห้ง แล้วจึงค่อยไปอาบน้าดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยงอันตรายดังกล่าว 

เมื่อเจ็บป่วย มีไข้สูง 

เวลาที่เราป่วย หรือมีไข้สูง อุณหภูมิในร่างกายจะสูงถึง 38 – 40 องศาฯ เนื่องมาจากภูมิคุ้มกันร่างกายกำลังทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาโจมตีร่างกายจนทำให้ไม่สบาย ส่งผลให้มีการเผาผลาญความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น 20% ร่างกายอ่อนแอ หากอาบน้ำในช่วงเวลานี้ อาจทำให้รู้สึกหน้ามืด ตาลาย และหมดสติ หรือช็อคได้ ดังนั้น จึงมีการห้ามอาบน้ำขณะมีไข้หรือเจ็บป่วย แต่ให้ใช้วิธีเช็ดตัวเพื่อทำการลดไข้ และทำความสะอาดร่างกายแทนการอาบน้ำนั่นเอง 

The post เวลาไหนบ้างที่ไม่ควรอาบน้ำ เพราะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้   appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b3-%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%96%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89/feed/ 0 363
ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/ https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/#respond Fri, 30 Jun 2023 00:47:52 +0000 https://hitnewspress.com/?p=341 รู้ไหมว่าขยะอาหารในประเทศไทยมาจากไหนมากที่สุด จากร้านอาหาร จากโรงแรม หรือ จากร้านขายปลีก? คำตอบ .. ทุกข้อที่กล่าวมา ไม่ใช่เลย แต่ขยะเศษอาหารส่วนใหญ่มาจากบ้านเราเอง จากการบริโภคในครัวเรือนนี่แหล่ะ บ้านทุกหลัง ทุกเรือนชาน คือ บ่อเกิดขยะเศษอาหารมากถึง...

The post ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
รู้ไหมว่าขยะอาหารในประเทศไทยมาจากไหนมากที่สุด จากร้านอาหาร จากโรงแรม หรือ จากร้านขายปลีก?

คำตอบ .. ทุกข้อที่กล่าวมา ไม่ใช่เลย แต่ขยะเศษอาหารส่วนใหญ่มาจากบ้านเราเอง จากการบริโภคในครัวเรือนนี่แหล่ะ บ้านทุกหลัง ทุกเรือนชาน คือ บ่อเกิดขยะเศษอาหารมากถึง 61% ของขยะอาหารทั้งหมดในประเทศ จริงอยู่ว่า ขยะเศษอาหารเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ อาจไม่แย่เท่าขยะพลาสติก แต่ว่าที่จริงแล้ว ขยะอาหารเหล่านี้นี่แหล่ะตัวอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายกาจที่สุด แถมยังส่งผลต่อสุขภาพของเราทุกคน เพราะกองขยะเศษอาหารที่ถูกทิ้งรวมกันกันนั้น ล้วนแต่เป็นแหล่งอาศัยของเชื้อโรคสารพัด ก่อให้เกิดอาการป่วย ทั้งที่ยังอยู่ในถุงขยะภายในบ้าน เหล่ามด หนู และ แมลงต่าง ๆ ยิ้มหวาน ต่างพาเดินขบวนกันมามั่วสุม กลายเป็นบุฟเฟ่อย่างดีให้กับเหล่าพาหนะเชื้อโรคทั้งหลาย 

เมื่อขยะอาหารถูกส่งต่อไปยังหลุมฝังกลบ ก็ไปสุมทับซ้อนเป็นกองภูเขา กลายเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดโรคระบาดได้ง่าย กลิ่นเหม็นเน่า และภาพทิวทัศน์เสีย ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้อาศัยในบริเวณใกล้เคียง แถมขยะอาหารยังไปปนเปื้อนขยะอื่น ๆ จนทำให้ขยะที่รีไซเคิลได้อย่างพลาสติก ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือ การหมักหมมของขยะอาหาร รวมไปถึงการย่อยสลายของเศษอาหาร ทำให้เกิดก๊าซมีเทน องค์ประกอบของก๊าซเรือนกระจก และน่าตกใจไปกว่านั้น ขยะเศษอาหารคือตัวการที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 3 รองจากขยะพลาสติกเลยนะ 

เราสามารถช่วยกันลดขยะอาหารได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจากการลดขยะเศษอาหารจากภายในบ้าน ด้วยการใช้ถังหมักเศษอาหาร หรือถังคอมโพส แล้วเจ้าถังหมักอาหารมันดียังไง ทำไมทุกบ้านถึงควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร ประเด็นสำคัญที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ค่ะ 

ถังหมักขยะเศษอาหาร คือ อุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยด้วยวัสดุตัวช่วยต่าง ๆ เช่น การใช้ใบไม้ การใช้แมลงอย่าง ไส้เดือน หรือ หนอนแมลงวันลาย การใช้ขี้วัวหรือขี้ไก่ผสม การใช้ระบบหมุนเวียนอากาศภายในแบบเดียวกับกองปุ๋ยหมัก การเติมแบคทีเรีย การเติมจุลินทรีย์เพื่อช่วยย่อยอาหาร และขั้นตอนต่าง ๆ เพียงแค่เททุกอย่างลงไปรวมกันในถังหมักเท่านั้น แม้ว่าระยะเวลาที่ใช้หมักปุ๋ยจะไม่เท่ากัน เพราะต้องขึ้นอยู่กับขั้นตอนและรูปแบบของแต่ละวิธีการหมักปุ๋ย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณเกือบเดือนหรืออาจมากกว่า 1 เดือน ขยะเศษอาหารจึงย่อยได้หมด กลายเป็นปุ๋ยและสามารถนำไปใช้ได้ 

แม้ว่าจะมีถังหมักหรือถังกำจัดปุ๋ยให้เลือกใช้หลายรูปแบบ แต่จุดหมายปลายทางเหมือนกัน คือ การกำจัดขยะเศษอาหารได้ 100% ด้วยการเปลี่ยนขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยให้ปริมาณขยะจากครัวเรือนไปยังบ่อฝังกลบน้อยลง ทำให้ขยะอื่น ๆ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่ายขึ้นและในปริมาณที่มากขึ้น แถมยังได้ปุ๋ยออแกนิกไว้ใช้เพาะปลูกโดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมี บ้านไหนปลูกพืชผักหรือต้นไม้เยอะ ๆ ยิ่งต้องมีถังหมักเศษอาหาร ได้ทั้งกำจัดขยะเศษอาหารในบ้าน ยังได้ปุ๋ยคุณภาพดีฟรี ๆ แถมสุขภาพดีเพราะกินผักปลอดเคมีอีกด้วย 

สำหรับใครที่สนใจและต้องการเปลี่ยนมาใช้ถังหมักเศษอาหาร สำหรับกำจัดขยะเศษอาหารภายในบ้าน หากเป็นบ้านที่มีบริเวณสวนหลังบ้าน หรือพื้นที่กว้างมากพอสำหรับการจัดตั้ง ถังหมักปุ๋ยแบบแมนนวลก็มีหลายแบบ หลายราคาให้เลือก ซึ่งถังหมักปุ๋ยแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องอยู่ให้ห่างจากตัวบ้านสักหน่อย ต้องมีบริเวณและพื้นดินเพื่อฝังกลบ หรือเพื่อรองรับขนาดของถังหมัก และป้องกันไม่ให้กลิ่นเล็ดลอดรบกวนคนในบ้าน แต่สำหรับใครที่ต้องการกำจัดเศษอาหารแต่ก็ไม่อยากมานั่งทำหลายขั้นตอน ให้ยุ่งยากวุ่นวาย หรือ เหล่าชาวหอ ชาวคอนโดมีพื้นที่น้อย ขอแนะนำให้มองหาเครื่องกำจัดเศษอาหารไฟฟ้าที่มีจำหน่ายทั่วไป หาซื้อง่ายมากในบ้านเราตอนนี้ มีให้เลือกหลายรุ่นหลายแบรนด์ อย่าง Hass Thailand เครื่องกำจัดเศษอาหารอัตโนมัติของเขา ต้องยอมรับว่าใช้ง่ายและสะดวกสุด ๆ เพราะเพียงแค่เสียบปลั๊กทิ้งไว้เหมือนตู้เย็น อยากเทเศษอาหารเมื่อไรก็เทลงเครื่อง แล้วกดสตาร์ทให้เครื่องทำงาน ผ่านไปแค่ 1 – 2 วัน  (ประมาณ 24 ชั่วโมง) ขยะอาหารก็หายวับไปกับตา ไม่มีเหลือให้มดแมลงได้แอ้ม เหลือเพียงแค่ดินปุ๋ยสะอาดที่จับมือเปล่าได้อย่างสบายใจ ไม่มีแหวะ ไม่มีฝืน จนไม่อยากเชื่อว่ามันคืออดีตซากเศษอาหารมาก่อน กลิ่นก็ไม่มีกวนใจ มีแต่กลิ่นเหมือนดินปุ๋ยหมักทั่วไป ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่เลยนะ คนปลูกต้นไม้คุ้นเคยกันดี แถมยังกินไฟน้อยมาก ๆ พอ ๆ กับตู้เย็นเบอร์ 5 เลยล่ะ 

การกำจัดขยะเศษอาหารภายในบ้าน ช่วยลดปริมาณขยะอาหารไปได้หลายตันต่อเดือนเลยนะ ยิ่งถ้าร่วมมือกันทุกบ้าน ยิ่งช่วยลดไปได้อีกหลายร้อยตัน แต่ช่วยเพิ่มปริมาณขยะรีไซเคิลได้มากขึ้น win – win ทุกฝ่าย ทั้งกำจัดขยะเศษอาหารในบ้านได้แบบ 100% หมดปัญหากลิ่นเหม็นเน่า แหล่งสะสมเชื้อโรค ประหยัดเงินค่าถุงขยะ ได้ปุ๋ยฟรี ผักปลอดสาร คุณภาพชีวิตดี สิ่งแวดล้อมดี ลดโลกร้อน อากาศไม่แปรปรวน เพราะก๊าซเรือนกระจกลดลง เมื่อผลลัพท์มันเลิศและตอบโจทย์ให้กับชีวิตดีขนาดนี้ ก็คงเป็นคำตอบที่ช่วยกระจ่างในคำถาม “ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร”

The post ทำไมทุกบ้านควรมีถังหมักขยะเศษอาหาร  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%99/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%96%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a9%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/feed/ 0 341
วูบ หมดสติ ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม  https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%9a-%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%95-%e0%b8%a0%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a1/ https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%9a-%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%95-%e0%b8%a0%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a1/#respond Mon, 15 May 2023 05:44:28 +0000 https://hitnewspress.com/?p=308 ความถี่ของข่าวเรื่องพบคนวูบ หมดสติ และเสียชีวิตฉับพลัน เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนผวาว่าจะเกิดขึ้นกับตน เพราะ อาการวูบ คือ อาการคล้ายหมดสติชั่วคราว ที่เราไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้เลย และสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยิ่งเดี๋ยวนี้ สภาพาอากาศแปรปรวน เมื่อร้อนก็ร้อนจัด...

The post วูบ หมดสติ ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
ความถี่ของข่าวเรื่องพบคนวูบ หมดสติ และเสียชีวิตฉับพลัน เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายคนผวาว่าจะเกิดขึ้นกับตน เพราะ อาการวูบ คือ อาการคล้ายหมดสติชั่วคราว ที่เราไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้เลย และสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยิ่งเดี๋ยวนี้ สภาพาอากาศแปรปรวน เมื่อร้อนก็ร้อนจัด จนทำให้มีคนเสียชีวิตจากอาการฮีทสโตรกไปไม่น้อย ไหนจะโรคใหม่ ๆ ที่แฝงตัวไม่ให้รู้ตัว รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการกิน การทำงาน และการพักผ่อน 

วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเรื่องของอาการวูบกันค่ะ สาเหตุ อาการ และการป้องกัน เพื่อทำความเข้าใจ และรู้วิธีป้องกันตนเองในเบื้องต้น ช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดอาการวูบ 

อาการวูบเกิดสาเหตุอะไร 

อาการวูบชั่วขณะ หมดสติ เกิดจากการที่สมองขาดอากาศและเลือดไปหล่อเลี้ยงในช่วงเวลาสั้น ๆ หรืออาจเกิดจากมีเนื้องอกในสมอง สมองทำงานผิดปกติ หรืออาจบ่งบอกถึงสัญญาณของโรคอื่น 

  • เปลี่ยนอิริยาบถกระทันหัน 
  • ยืนเป็นเวลานาน 
  • มีอาการอ่อนเพลีย
  • ความดันต่ำ หรือ หลอดเลือดขยายตัว 
  • โรคเส้นเลือดในสมองตีบชั่วคราว 
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพฤกษ์ 
  • มีอาการชักจากโรคลมบ้าหมู
  • มีโรคความผิดปกติของหัวใจ 
  • ระบบประสาทหูชั้นในผิดปกติ 
  • ใช้สารเสพติด 
  • กำลังตั้งครรภ์ 
  • มีภาวะขาดน้ำ อาจเนื่องจากเจ็บป่วย ท้องเสีย อาเจียน เหงื่อออกมาก เป็นต้น 
  • ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เช่น สภาพอากาศร้อนจัด อยู่ในสถานที่แออัด เป็นต้น 
  • การใช้ยาบางชนิด

อาการวูบเป็นอย่างไร 

  • คลื่นไส้ วิงเวียน
  • ปวดศีรษะ 
  • สับสน มึนงง ง่วง ซึม 
  • พูดไม่ชัด 
  • ตัวสั่น ผิวซีด
  • รู้สึกชา 
  • อ่อนเพลีย 
  • ได้ยินเสียงไกล ๆ 
  • หัวใจเต้นเร็ว 
  • ชีพจรเต้นอ่อน 
  • เหงื่อออกเยอะกระทันหัน 
  • อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 
  • การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพไม่ชัด เห็นเป็นจุด 

อาการวูบแบบไหนส่อถึงอันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ 

  • หมดสติ
  • มีอาการวูบ ชักเกร็ง 
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด 
  • เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ 
  • มีโรคประจำตัวบางประเภท เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ
  • มีอาการเหมือนจะวูบแต่ไม่วูบ 
  • สงสัยว่าตั้งครรภ์ 
  • มีอาการวูบมากกว่า 1 ครั้ง และมักจะเป็นนานกว่า 2 นาที จึงจะได้สติ

นอกจากนี้อาการวูบ หมดสติ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น 

  • โรคลมชัก 
  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ 
  • โรคหลอดเลือดสมองตีบ 
  • โรคหลอดเลือดสมองแตก 

อาการวูบ หมดสติ ป้องกันได้อย่างไร 

  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ 
  • พักผ่อนให้เพียงพอ 
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน  

จากข้อมูล Framingham Heart Study เผยว่า ส่วนใหญ่จะพบอาการวูบ หมดสติ ในผู้สูงอายุถึง 23% ในขณะที่พบได้ในกลุ่มคนทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3% และผู้ที่เคยมีประวัติอาการวูบมาก่อน มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นไดอีก 1 ใน 3 เท่า ซึ่งมักจะเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อันเนื่องจากความเสื่อมประสิทธิภาพการทำงานของระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาจส่งผลให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้เมื่อเกิดอาการวูบ เช่น ขณะขับรถ ทำงานกับเครื่องจักร เป็นต้น รวมไปถึงในสายงานอาชีพบางประเภท เช่น พนักงานขับรถ นักบิน นักประดาน้ำ คนงานก่อสร้าง ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหลังจากมีอาการวูบหรือหมดสติได้ 

The post วูบ หมดสติ ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม  appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%9a-%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%95-%e0%b8%a0%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a1/feed/ 0 308
วิธีเช็ค “หลอดเลือดสมอง” ยังทำงานดีอยู่หรือไม่ ผู้สูงอายุควรระวัง! https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%84-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad/ https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%84-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad/#respond Thu, 06 Oct 2022 04:49:22 +0000 http://hitnewspress.com/?p=76 อาการหนึ่งที่อันตรายมากๆ สำหรับผู้สูงอายุคือ “โรคหลอดเลือดสมอง” ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุเท่านั้นที่เสี่ยงกับโรคนี้ คนหนุ่มสาวอย่างเราก็เสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด  แล้วเราสามารถเช็คได้อย่างไรว่าเราเสี่ยงหรือไม่ มาเช็คไปพร้อมๆ กันทั้งคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย และเหล่าคุณลูกๆ ก็เช่นกันนะ  รู้จักโรคหลอดเลือดสมอง (stroke)...

The post วิธีเช็ค “หลอดเลือดสมอง” ยังทำงานดีอยู่หรือไม่ ผู้สูงอายุควรระวัง! appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
อาการหนึ่งที่อันตรายมากๆ สำหรับผู้สูงอายุคือ “โรคหลอดเลือดสมอง” ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ก็ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุเท่านั้นที่เสี่ยงกับโรคนี้ คนหนุ่มสาวอย่างเราก็เสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด 

แล้วเราสามารถเช็คได้อย่างไรว่าเราเสี่ยงหรือไม่ มาเช็คไปพร้อมๆ กันทั้งคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายาย และเหล่าคุณลูกๆ ก็เช่นกันนะ 

รู้จักโรคหลอดเลือดสมอง (stroke)

โรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากภาวะการทำงานของหลอดเลือดสมองบกพร่อง ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน และเนื้อเยื่อสมองถูกทำลาย ส่งผลให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตตามมา หรือสามารถเสียชีวิตได้ในทันทีหากเกิดอาการรุนแรง

โดยโรคหลอดเลือดสมองสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

  • ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง พบได้มากถึง 80% ของโรคนี้ทั้งหมด โดยส่วนมากเกิดจากไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดเป็นหลอดเลือดสมองตีบอุดตัน ไม่สามารถวนเลือดไปที่สมองได้อย่างเพียงพอ 
  • เลือดออกในสมอง เกิดจากหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด พบได้น้อยกว่าด้านบน ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งจากหลอดเลือดอ่อนแอหรือเปราะบาง ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นก็ฉีกขาด และเกิดจากรรมพันธุ์หรือโดยกำเนิดก็ได้

อาการของโรคหลอดเลือดสมอง

เราสามารถพบอาการของโรคหลอดเลือดสมองได้หลายรูปแบบ โดยหลักๆ ที่พบได้บ่อยจะมีดังนี้

  • อาการอ่อนแรง หรืออัมพฤกษ์บางส่วนของร่างกาย ส่วนมากมักเป็นกับร่างกายข้างใดข้างหนึ่ง เช่นครึ่งซีกซ้าย
  • อาการชา สูญเสียความรู้สึกบางส่วน มักพบกับร่างกายข้างใดข้างหนึ่งเช่นเดียวกับอาการอ่อนแรง
  • ปัญหาเกี่ยวกับการพูด เช่น พูดไม่ได้ พูดติดๆ ขัดๆ หรือไม่เข้าใจคำพูด
  • ปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว เช่นเดินเซ หรือวิงเวียนศีรษะเฉียบพลัน
  • สูญเสียการมองเห็นบางส่วน หรือมองเห็นภาพซ้อน

อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นซักพักและหายไปเอง หากพบเจอบ่อยครั้ง เสี่ยงต่ออาการขาดเลือดถาวร และเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตในที่สุด

วิธีเช็คหลอดเลือดสมอง

เราสามารถเช็คตัวเราได้ง่ายๆ 2 วิธีดังนี้

วิธีที่ 1: หงายมือทั้งสองข้าง ยื่นออกไปข้างหน้าในท่าเหยียดตรง หลับตาและนับ 1 – 10

วิธีที่ 2: ชูนิ้วชี้ขึ้นทั้ง 2 ข้าง หันปลายนิ้วเข้าหากัน หลับตานับ 1 – 10 ในขณะนับก็ค่อยๆ เลื่อนนิ้วพยายามให้มาชนกัน

หลังจากนับถึง 10 พบว่ามือทั้งสองข้างอยู่ในระนาบเดียวกัน หรือปลายนิ้วชนกัน แสดงว่าหลอดเลือดในสมองเรายังทำงานได้ดีอยู่ แต่หากพบว่ามือไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกัน โดยเฉพาะหากห่างกันมากกว่า 10 เซนติเมตร หรือปลายนิ้วห่างกันเกิน 5 เซนติเมตร ขอแนะนำว่าให้ไปพบแพทย์โดยด่วย เพราะเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองแล้ว

ทางที่ดีที่สุดแม้จะเช็คด้วยตนเองแล้วจะไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่เราก็ควรที่จะไปตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกายเป็นประจำ และทานอาหารให้มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อที่เราจะได้ลดความเสี่ยงโรคอื่นๆ ไปในตัว

The post วิธีเช็ค “หลอดเลือดสมอง” ยังทำงานดีอยู่หรือไม่ ผู้สูงอายุควรระวัง! appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b9%87%e0%b8%84-%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%ad/feed/ 0 76
6 ภัยอันตรายจากการ “ดื่มน้ำน้อย” https://hitnewspress.com/health/6-%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%a1/ https://hitnewspress.com/health/6-%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%a1/#respond Tue, 04 Oct 2022 08:10:50 +0000 http://hitnewspress.com/?p=55 ชีวิตเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เดี๋ยวก็ประชุม เดี๋ยวก็ทำงานต่อ จนบางทีเราก็ลืมดูแลตัวเองไปเลย โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่เต็มแก้วยังไงเมื่อเช้า จนแล้วจนเล่าจนยังเต็มอยู่อย่างนั้น และบางคนก็ติดการดื่มน้ำเฉพาะเวลาที่ต้องการจะดื่มเท่านั้น ซึ่งบางครั้งในวันหนึ่งๆ เราอาจไม่ได้รู้สึกอยากดื่มเลยก็ได้ สัญญาณเหล่านี้แหละที่ทำให้ร่างกายของเราโหยหาน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ และการไม่ดื่มน้ำนั้นส่งผลอันตรายต่อร่างกายเรามากกว่าที่ใครๆ หลายคนคาดคิด และบางครั้งก็อาจจะเกิดขึ้นกับเราแล้วแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ดังนั้น หากใครเริ่มมีอาการเหล่านี้ก็ต้องรีบปรับตัวด่วน...

The post 6 ภัยอันตรายจากการ “ดื่มน้ำน้อย” appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
ชีวิตเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เดี๋ยวก็ประชุม เดี๋ยวก็ทำงานต่อ จนบางทีเราก็ลืมดูแลตัวเองไปเลย โดยเฉพาะการดื่มน้ำที่เต็มแก้วยังไงเมื่อเช้า จนแล้วจนเล่าจนยังเต็มอยู่อย่างนั้น และบางคนก็ติดการดื่มน้ำเฉพาะเวลาที่ต้องการจะดื่มเท่านั้น ซึ่งบางครั้งในวันหนึ่งๆ เราอาจไม่ได้รู้สึกอยากดื่มเลยก็ได้ สัญญาณเหล่านี้แหละที่ทำให้ร่างกายของเราโหยหาน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ

และการไม่ดื่มน้ำนั้นส่งผลอันตรายต่อร่างกายเรามากกว่าที่ใครๆ หลายคนคาดคิด และบางครั้งก็อาจจะเกิดขึ้นกับเราแล้วแบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ ดังนั้น หากใครเริ่มมีอาการเหล่านี้ก็ต้องรีบปรับตัวด่วน เพราะจะมีโรคร้ายตามมาอีกเพียบ

สัญญาณว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำ

หากเราก็ดื่มน้ำอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าที่เราดื่มๆ ไปต่อวันเนี่ยมันเพียงพอหรือไม่ ลองสังเกตตัวเองได้จาก

วิธีสังเกตระยะสั้น

  1. ปัสสาวะไม่ถึง 4-7 ครั้งต่อวัน
  2. ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มแทบทุกครั้ง
  3. ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนจัด 

วิธีสังเกตระยะกลาง

  1. ตาแห้ง
  2. ผิวแห้งกร้านขึ้นเรื่อยๆ
  3. ปากแห้งตลอดเวลา
  4. ปวดหัวบ่อยๆ

วิธีสังเกตระยะยาว

  1. อ่อนเพลียเป็นประจำ
  2. สับสัน สูญเสียการรับรู้
  3. ความดันต่ำ

6 ภัยอันตรายจากการขาดน้ำ

สมองเสื่อม

น้ำเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เซลล์ประสาทละสมองของเราสื่อสารกันได้ และเหมือนเป็นน้ำยาหล่อลื่นให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะน้ำตาลที่จะเป็นอาหารให้กับสมองของเรา ซึ่งหากเราขาดน้ำและอาหารสมอง จะทำให้สมองของเราอ่อนแอลง ระบบประสาททำงานได้ช้า และเกิดอาการหลงลืม ตอบสนองได้ช้า ไม่กระฉับกระเฉง 

หากคุณรู้สึกไม่สดชื่นเลยในแต่ละช่วงเวลาของวัน ลองดื่มน้ำดูนะ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณดื่มน้ำน้อยเกินไปแล้วนะ

ริดสีดวงทวาร

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าน้ำเป็นเหมือนน้ำยาหล่อลื่นให้กับร่างกายของเรา ซึ่งเมื่อเราขาดน้ำ จะทำให้ภายในของเราไม่สามารถทำงานได้ดีอย่างเก่า และยิ่งเป็นในลำไส้ หากความสามารถได้การย่อย ดูดซึม และขับถ่ายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็จะทำให้อาหารที่เราทานลงไป ไม่ยอมออกมานั่นเอง

และเมื่ออาหารเหล่านั้นอยู่ในร่างกายเรานานเกินไป การถูกดูดซึมทุกวันๆ ก็จะทำให้สิ่งเหล่านั้นแห้งลงเรื่อยๆ และเกิดเป็นอาการท้องผูกและริดสีดวงไปในที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น การดูดซึมกากอาหารที่ไม่มีประโยชน์ อาจทำให้เราดูดซึมสารพิษหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกายกลับสู่ร่างกายของเราใหม่ ทั้งๆ ที่จะพยายามขับออกแล้วนะ

ปวดข้อ

ข้อต่อต่างๆ หมอนรองกระดูก กระดูกอ่อน ฯลฯ เหล่านี้จะมีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงถึง 80% ทำให้เป็นส่วนประกอบของร่างกายที่เปราะบางมากๆ แต่ก็สำคัญมากๆ เช่นกัน เมื่อกระดูกเหล่านี้ไม่ได้รับน้ำที่เพียงพอ จะทำให้การดูดซับแรงกระแทกได้น้อยลง ไปจนถึงการอักเสบได้ง่าย ทำให้เราเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ทุกเวลาที่ใช้ร่างกาย

เพราะฉะนั้น หากคุณเป็นคนเล่นกีฬา ห้ามดื่มน้ำเฉพาะเวลาที่หิวน้ำเท่านั้นเด็ดขาด! ร่างกายของคุณจำเป็นต้องรับภาระหนักกว่าคนทั่วไป ดังนั้นควรดื่มน้ำทุกครั้งที่มีโอกาส

ทางเดินปัสสาวะอักเสบ

เรื่องนี้น่าจะทราบกันดีทุกคน อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าหากขาดน้ำจะทำให้เราปัสสาวะน้อยลง แต่เรื่องที่รุนแรงกว่านั้นก็คือเมื่อเราอยากจะหรือปวดปัสสาวะ แต่พอถึงห้องน้ำมันกลับออกมาน้อยกว่าที่ขาด ไปจนถึงแทบไม่ออกมาเลยก็มี! มาถึงขั้นนี้เรียกได้ว่าอันตรายมากๆ เพราะนั่นอาจหมายถึงคุณกำลังเป็นโรงทางเดินปัสสาวะอักเสบแล้วล่ะ

เรื่องที่เลวร้ายที่สุดกับโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบไม่ใช่เพราะปวดแล้วมันไม่ออกมา หรือปวดท้องน้อยเป็นประจำ แต่มันคือการติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่งมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมากๆ และน้อยคนนักที่จะตระหนักถึงความจริงข้อนี้

น้ำหนักขึ้น

ดูไม่น่าเชื่อสุดๆ ไม่กินไม่ดื่มแล้วน้ำหนักจะขึ้นได้อย่างไร ไหนว่าขาดน้ำละทำให้ดูดซึมสารอาหารได้น้อยไง ไม่น่าอ้วนแล้วนี่นา แต่เพราะร่างกายไม่ดูดซึมนั่นแหละที่เป็นตัวการหลักของภาวะอ้วนเลย

เหตุผลหลักๆ ก็คือเมื่อคุณทานอาหารมากเกินที่ร่างกายจะดูดซึมได้ และไม่สามารถขับออกได้ทันที สารอาหารส่วนเกินเหล่านั้นจะแปรรูปไปเป็นไขมันอยู่ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย และยิ่งเมื่อเราขาดน้ำ ระบบทางเดินและการย่อยอาหารก็มีโควต้าดูดซึมอาหารได้น้อยลง นั่นเท่ากับว่า เพียงไม่ดื่มน้ำ การทานอาหารเท่าเดิมก็อาจเท่ากับมากเกินไปได้

นอกจากนั้น การดื่มน้ำจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วด้วยนะ หากคุณทานอาหารแบบไม่ดื่มน้ำ ภาวะอยากอาหารก็จะไม่ลดลง ความรู้สึกอิ่มก็จะน้อยลงทำให้เราทานเพลินจนเกินความสามารถที่ร่างกายจะรับมือได้ และอย่างที่คุณรู้ โรคอ้วนไม่ใช่ตอนจบ เพราะโรคแทรกซ้อนหลังจากนั้นจะตามมาราวีคุณไม่หยุดไม่หย่อนแน่นอน

อาการชักและช็อก

อาการขาดน้ำจะทำให้เลือดของเราข้นหนืดขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การลำเลียงสารอาหารและอ็อกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลง แร่ธาตุในร่างกายจะเกิดความไม่สมดุลกัน กล้ามเนื้อจะเกิดการหดตัวและชักเกร็ง ซึ่งบางครั้งอาจไม่อันตรายต่อชีวิตโดยตรง แต่อาจทำให้เกิดอันตรายโดยทางอื่นเช่นเกิดอาการชักขณะอาบน้ำจนล้มฟาดพื้นเป็นต้น

แต่อาการช็อกจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแบบตรงๆ ไม่โต๊ด เพราะความดันโลหิตจะสูงขึ้นจากการที่ร่างกายพยายามจะพาเลือดข้นหนืดของเราไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย หัวใจที่ทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนจะทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ ไปจนถึงการลำเลียงอ็อกซิเจนได้น้อย สมองของเราได้รับอ็อกซิเจนน้อยลง จะทำให้เกิดภาวะช็อกจนเสียชีวิตได้

แม้ว่าทางการแพทย์จะแนะนำให้เราดื่มน้ำในปริมาณ 8-12 แก้วต่อวัน แต่จริงๆ ไม่มีใครนั่งนับหรอกว่าเราดื่มไปกี่แก้วแล้ว แล้วแก้วลิตรนับเป็นหนึ่งแก้วหรือสามแก้ว เพราะฉะนั้นทางที่ง่ายที่สุดคือดื่มหรือจิบทุกครั้งที่นึกได้ หรือทุกครั้งที่มีโอกาสเป็นประจำในระหว่างวัน โดยเฉพาะในหน้าร้อนที่ร่างกายจะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ

และหากคุณอาจเคยคิดว่าเราดื่มกาแฟหรือชาไข่มุกแล้ว ทานน้ำน้อยลงได้ ในด้านหนึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นอาจก่อให้เกิดโรคในด้านอื่นๆ เช่น เบาหวานได้ ดังนั้นน้ำเปล่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดต่อร่างกายอยู่ดี 

แล้วชั่วโมงนี้คุณดื่มน้ำแล้วหรือยัง?

The post 6 ภัยอันตรายจากการ “ดื่มน้ำน้อย” appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/health/6-%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%94%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%a1/feed/ 0 55
วิธีแต่งหน้าซ่อนรูขุมขนกว้าง ให้เนียนกริบ หมดปัญหาแต่งหน้าไม่ติด https://hitnewspress.com/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%8b%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%82%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%82/ https://hitnewspress.com/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%8b%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%82%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%82/#respond Tue, 04 Oct 2022 02:31:58 +0000 http://hitnewspress.com/?p=42 สาว ๆ คนไหนมีปัญหาหน้ามัน รูขุมขนกว้างกวนใจ แต่งหน้าทีไร แป้งตกร่อง เห็นรูขุมขนชัด แต่งหน้าไม่ติด ทั้งเสียเวลา ทั้งหงุดหงิด บ้างไหม มีวิธีการแต่งหน้ากลบความมันให้เรียบ ปิดรูกว้างบนใบหน้าให้กริบ ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า ...

The post วิธีแต่งหน้าซ่อนรูขุมขนกว้าง ให้เนียนกริบ หมดปัญหาแต่งหน้าไม่ติด appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
สาว ๆ คนไหนมีปัญหาหน้ามัน รูขุมขนกว้างกวนใจ แต่งหน้าทีไร แป้งตกร่อง เห็นรูขุมขนชัด แต่งหน้าไม่ติด ทั้งเสียเวลา ทั้งหงุดหงิด บ้างไหม มีวิธีการแต่งหน้ากลบความมันให้เรียบ ปิดรูกว้างบนใบหน้าให้กริบ ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า 

หน้ามัน รูขุมขนกว้างเกิดจากอะไร

เราทุกคนต่างก็มีปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับคนหน้ามันและมีรูขุมขนกว้างนั้น มีสาเหตุได้ด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น 

  • ด้านพันธุกรรม จากการถ่ายทอดยีนส์ระหว่างพันธุกรรม 
  • ฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่เร่งต่อมไขมันใต้ผิวหนังให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป หรือการผลิตน้ำมันในช่วงวัยรุ่น 
  • การล้างหน้าบ่อย ๆ ก็ทำให้เกิดหน้ามันได้ เพราะเมื่อล้างหน้าทำให้ผิวหน้าเกิดความแห้งตึง ผิวหนังจึงผลิตน้ำมันออกมาเพื่อทดแทนและรักษาความสมดุลของผิว และทำให้เกิดความมันบนใบหน้ามากขึ้น 
  • ความเครียด ส่งผลต่อฮอร์โมนของร่างกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับที่ผิดปกติ เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น 
  • อาหารจำพวกแป้ง ของหวาน ของมัน และของทอด ที่นอกจากจะมีผลต่อน้ำหนักตัวและด้านสุขภาพแล้ว ยังส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันนออกมามากเกินไปเช่นกัน 
  • การแต่งหน้าผิดวิธี และล้างหน้าไม่สะอาด เพราะเครื่องสำอางในปัจจุบันมีราคาถูกมากแต่ไม่มีคุณภาพและอาจไม่มีความปลอดภัยต่อใบหน้า จากส่วนผสมในเครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการล้างหน้าที่ไม่สะอาดมากพอ จนไม่เครื่องสำอางบนใบหน้ายังคงหลงเหลือ และจะไปอุดตันตามรูขุมขนและทำให้ใบหน้ามีความสกปรก ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมา 
  • มลภาวะ มลพิษ ทั้งในรูปของฝุ่นละออง ควันพิษ สารเคมี อากาศ แสงแดด ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้ผิวหน้าเกิดความสกปรก หมองคล้ำ และมีน้ำมันได้ทั้งหมด 

วิธีแต่งหน้าซ่อนรูขุมขนกว้าง

1. ทำความสะอาดใบหน้า  

ล้างหน้าเพื่อลดความมันออกจากรูขุมขน โดยการล้างหน้าแล้วซับหน้าด้วยผ้าขนหนูเนื้อดี นุ่มไม่บาดผิว ให้ผิวแห้งสนิท จากนั้นใช้กระดาษซับมันบนใบหน้าก่อนที่จะแต่งหน้า 

2. มาสก์หน้า 

การมาส์กหน้าเพื่อให้ผิวชุ่มชื่น เป็นการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า แต่สำหรับผู้ที่ใบหน้ามัน ควรมาส์กหน้าสูตรเย็นเพื่อช่วยกระชับรูขุมขน 

3. ทาไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้า 

ลงไพรเมอร์เพื่อเป็นการรพรางรูขุมขนให้ดูเล็กลง อีกทั้งยังช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าดูตื้นอีกด้วย 

สำหรับสาว ๆ ผิวมัน ควรเลือกไพรเมอร์สูตร oil free ทาก่อนแต่งหน้า นอกจากจะช่วยพรางแล้วยังทำให้รองพื้นเกลี่ยง่ายขึ้น เครื่องสำอางติดผิวหน้าได้ดีขึ้นด้วย 

4. คอนซีลเลอร์

 คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดได้สารพัดสิ่งบนใบหน้า ทั้งรอยสิว รอยด่างดำ รอยกระ รอยใต้ตา และช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้นได้ด้วย แต่จะต้องลงคอนซีลเลอร์ก่อนลงรองพื้น และเลือกให้ตรงกับสีผิว โดยการลงคอนซีลเลอร์ลงบนบริเวณที่มีรูขุมขนกว้างก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ เบลนด์ให้ดูเนียนไปกับผิว เพียงเท่านี้รูขุมขนก็ดูเล็กและจางลงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมแต่งหน้าขั้นตอนต่อไป 

5. เลือกรองพื้นคุมมัน

สาว ๆ ที่มีรูขุมขนกว้างและผิวมัน ควรเลือกใช้รองพื้นสูตรปราศจากน้ำมัน หรือรองพื้นเนื้อแมตต์ ชนิดน้ำ (Liquid foundation) จะช่วยควบคุมความมัน และไม่สะท้อนแสงจนเห็นรองพื้นชัดเจนเกินไป  และควรหลีกเลี่ยงรองพื้นชนิดครีม (Cream foundation) เพราะมักมีน้ำมันผสมอยู่ จะยิ่งทำให้หน้ามันยิ่งขึ้น และควรเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน แอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอม ควรลงรองพื้นหลังไพรเมอร์และคอนซีลเลอร์ จะทำให้ช่วยกลบรูขุมขนดูเล็กลง ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น และเครื่องสำอางติดทนนาน 

The post วิธีแต่งหน้าซ่อนรูขุมขนกว้าง ให้เนียนกริบ หมดปัญหาแต่งหน้าไม่ติด appeared first on HIT NEWS PRESS.

]]>
https://hitnewspress.com/%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%8b%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%82%e0%b8%b8%e0%b8%a1%e0%b8%82/feed/ 0 42